รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 17 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ 17 กันยายน ปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากวันก่อน โดยปิดที่ 668.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.34 จุด หรือร้อยละ 0.96 มูลค่าการซื้อขายที่ 2.75 หมื่นล้านบาท โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในกลุ่มของหุ้นขนาดใหญ่ และ หุ้นในกลุ่มขนส่งทางเรือ โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องก่อนงานไทยแลนด์ โฟกัสในสัปดาห์หน้า

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยเพิ่มขึ้นไป 15.09 จุด หรือร้อยละ 0.11 โดยปิดที่ 13,224.93 จุด โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบริษัทจีน หลังจากที่ได้มีข่าวว่าทางรัฐบาลจีนกำลังมีการหารือเกี่ยวกับนโยบายเพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้น

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สามติดต่อกันอีก 56.87 จุด หรือร้อยละ 0.51 ไปปิดที่ระดับ 11,082.49 จุด โดยนักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ ประกอบกับแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากความวิตกกังวลในเรื่องของแนวโน้มผลประกอบการ และ หุ้นในกลุ่มประกันภัย จากแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากพายุไต้ฝุ่น ได้ทำให้ตลาดปรับตัวลดลง

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 10,244.49 จุด เพิ่มขึ้นไป 13.13 จุดหรือร้อยละ 0.13 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ส.ค.ที่เพิ่มขึ้นไปน้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งได้สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท โดยอยู่ที่ระดับ 41.30 บาท/ดอลลาร์ฯ แต่ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน และ ยูโรที่ 109.83 เยน/ดอลลาร์ฯ และ 1.2202 ดอลลาร์ฯ/ยูโร

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นในวันนี้ โดยอยู่ที่ 668.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.34 จุด หรือร้อยละ 0.96 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 27,521 ล้านบาท ตลาดปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆในช่วงเช้า แต่แรงซื้อที่กลับเข้ามาในกลุ่มของหุ้นขนาดใหญ่และ หุ้นในกลุ่มขนส่งทางเรือ ได้ช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยบวกอีกประการ ได้แก่ การที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องก่อนงานไทยแลนด์ โฟกัสในสัปดาห์หน้า

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยลดลงไปอีก 56.87 จุด หรือร้อยละ 0.51 ไปอยู่ที่ระดับ 11,082.49 จุด การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง โดยนักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปิดทำการในวันจันทร์นี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ นอกจากนั้นตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจากวันก่อน ประกอบกับการลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มประกันภัย จากการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการประกันที่บริษัทจะต้องจ่ายซึ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลของพายุไต้ฝุ่น

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 13,224.93 จุด เพิ่มขึ้นไป 15.09 จุด หรือ ร้อยละ 0.96 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบริษัทจีน หลังจากที่มีข่าวว่าทางรัฐบาลจีนได้มีการประชุมทางเกี่ยวกับนโยบายเพื่อฟื้นฟูการลงทุนในตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดได้ลดแรงบวกลงจากแรงขายในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากข่าวการขายหุ้นในกลุ่มดังกล่าวของธนาคารเอชเอสบีซี

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้เพิ่มขึ้นไป 13.13 จุด หรือ ร้อยละ 0.13 ไปปิดที่ 10,244.49 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายเบาบางที่ 1.1 พันล้านหุ้น โดยได้แรงหนุนจากการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ส.ค.ที่เพิ่มขึ้นไปเพียงร้อยละ 0.1ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ และได้ช่วยเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปๆ หลังจากเดือน ก.ย. อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนลูกใหม่ได้กดดันให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปไม่มากนัก

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 1,904.08 จุด เพิ่มขึ้นไป 7.56 จุด หรือ ร้อยละ 0.4 โดยได้แรงบวกจากการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นไปเพียงเล็กน้อย

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าค่าเงินเยน และ ค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ หลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิต ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟีย ที่ลดลงในเดือน ก.ย. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้ชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยได้รับปัจจัยลบจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟียที่ลดลงสู่ 13.4 ในเดือน ก.ย. จาก 28.5 ในเดือน ส.ค. ประกอบกับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ส.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯในเดือน พ.ย. และ ธ.ค.ลงไป อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเยน/ดอลลาร์ฯจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ จนกว่าการเปิดเผยตัวเลขผลสำรวจบรรยากาศทางธุรกิจรายไตรมาส (ทังกัน)ในวันที่ 1 ต.ค. นี้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟีย ในเดือน ก.ย. ที่อ่อนแอลงกว่าเดือนก่อน ประกอบกับข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิในเดือน ก.ค.ที่ลดลงไปจากในเดือน มิ.ย. คาดว่าค่าเงินจะยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ โดยนักลงทุนจะรอฟังความคิดเห็นของธนาคารกลางสหรัฐฯเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 5,619.1 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 16 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ต่างลดลงไปจากวันก่อน โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวต่างลดลงไปตั้งแต่ –1 ถึง -5 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมาก โดยอัตราผลตอบแทนของ 10 Years US Treasury Bond ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากการประกาศตัวเลขผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯเดือน ก.ย. ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟียที่ลดลงอย่างมากจากเดือนก่อน และการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ในเดือน ส.ค. ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอีกร้อยละ 0.25 ในสัปดาห์หน้า แต่ได้ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. และ ธ.ค.ลงไป