ดอลลาร์รอทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าอ่อนตัวลงในช่วงแรก เนื่องจากรายงานยอดขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดเงินหวั่นวิตกเกี่ยวกับเงินทุนต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาเจือจุนยอดขาดดุลดังกล่าวเพียงพอหรือไม่ ทำให้นักลงทุนชะลอการถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์มีค่าฟื้นตัวในเวลาต่อมา เป็นผลจากการสำรวจภาวะการจ้างงานของธนาคารกลางสหรัฐฯประจำรัฐฟิลาเดลเฟียอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มีปัจจัยส่งเสริมให้ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 21 กันยายนนี้ ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น ได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดคะเนว่าเงินหยวนอาจมีค่าเพิ่มขึ้น เพราะแรงกดดันจากสหรัฐฯ

เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าร่วงลงอย่างมาก หลังจากที่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของแบงก์ชาติอังกฤษแสดงความคิดเห็นในทิศทางที่อาจเลื่อนการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยออกไป ปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 4.75% สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ เคลื่อนไหวเหนือแนวต้าน 400 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยซื้อขายอยู่ในช่วงเฉลี่ยราว 402-406 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนแรงลง เพราะตัวเลขเศรษฐกิจอึมครึม ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังคงเข้มแข็ง ล้วนโน้มน้าวให้ความต้องการถือทองคำเพื่อเป็นหลักทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• รายงานเศรษฐกิจซบเซา
นักลงทุนเทขายเงินดอลลาร์ หลังจากไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 21 กันยายนนี้หรือไม่ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 1.50% ทั้งนี้ เป็นเพราะรายงานตัวเศรษฐกิจสำคัญบางรายการได้ตอกย้ำความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขาดดุลการค้าเดือนกรกฎาคมมีมูลค่าสูงถึง 50.75 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นยอดขาดดุลการค้ารายเดือนสูงสุดเป็นอันดับสอง ขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสที่สองก็พุ่งเป็น 166.18 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 155.35 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่าไตรมาสแรกที่มีมูลค่า 147.16 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคมที่ลดลง 0.1% และยอดค้าปลีกในเดียวกันที่ลดลง 0.3% กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเกรงว่าแบงก์ชาติสหรัฐฯ อาจชะลอการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

• เงินยูโรเข้มแข็ง
การแสดงความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์แบงก์ชาติยุโรป นาย Otmar Issing ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปพร้อมที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทันที หากมีสัญญาณภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากธนาคารได้เฝ้าระมัดระวังอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนหันไปถือสกุลเงินยูโรมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์มีค่ากระเตื้องขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ เพราะแรงซื้อเงินดอลลาร์กลับคืนของพวกนักลงทุน หลังจากที่เห็นว่ามีการเทขายกันมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯเดือนสิงหาคมที่อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ประกอบกับการสำรวจภาวะการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม โดยธนาคารกลางของรัฐนิวยอร์ก ปรากฏว่าดัชนีอยู่ที่ 28.3 ซึ่งนับเป็นระดับสูงกว่าที่ผ่านมา ทำให้ตลาดเงินเริ่มมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐฯอีกระลอก โดยเฉพาะรายงานเกี่ยวกับการลงทุนของต่างชาติในหลักทรัพย์สหรัฐฯเดือนกรกฎาคมยังคงเข้มแข็ง ช่วยคลายความกังวลในประเด็นยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลงด้วย

อนึ่ง เมื่อเทียบกับเงินเยน เงินดอลลาร์มีค่าแกว่งไปมาอยู่ในช่วง 109-110 เยน ปัจจัยที่มีผลให้ค่าเงินเยนยืนหยัด ได้แก่ กระแสข่าวที่ว่ารัฐมนตรีคลังสหรัฐฯต้องการให้เงินหยวนของจีนมีค่าสูงขึ้น แทนที่จะตรึงไว้ที่ 8.28 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้ตลาดเงินมองว่าหากเงินหยวนแพงขึ้น ก็จะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลง เมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินเอเชียอื่นๆด้วย

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่ากระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในตอนต้นสัปดาห์ อยู่ที่อัตราเฉลี่ยราว 1.79 ดอลลาร์/ปอนด์ เพราะดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น สูงสุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2538 สะท้อนว่าต้นทุนการผลิตอาจเพิ่มขึ้น และกลายเป็นชนวนเงินเฟ้อ ดังนั้น ธนาคารกลางอังกฤษอาจจำเป็นต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ซึ่งก่อนหน้านี้ ตลาดเงินเคยคาดว่าอังกฤษอาจชะลอการปรับเพิ่มออกไป เนื่องจากตัวเลขหลายรายการชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษคลายความร้อนแรงลงแล้ว โดยเฉพาะตัวเลขอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์กลับทรุดต่ำลงอย่างหนักในช่วงกลางสัปดาห์ อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 1.77 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่นาย Stephen Nickell เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติอังกฤษออกมาระบุว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังซบเซา แถมรายได้ของคนงานอังกฤษก็อ่อนแอ สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังไม่ตึงตัวจนเกินไป และไม่น่าที่จะกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ จึงกลายเป็นสาเหตุให้นักค้าเงินกลับมาคาดการณ์ใหม่ว่าธนาคารอังกฤษจะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75% อีกระยะหนึ่ง ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินปอนด์มีค่าฟื้นตัวในที่สุด เพราะยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมสดใส เพิ่มขึ้น 0.6% จากที่คาดว่าจะลดลง 0.3% จุดประกายความหวังเรื่องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยใหม่

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 13 กันยายน 2547 เทียบกับวันที่ 16 กันยายน 2547 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2252 ดอลลาร์/ยูโร (1.2188 ดอลลาร์/ยูโร) 110.03 เยน (110.06 เยน) และ 1.7958 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.7942 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2547 เท่ากับ 402.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 404.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2547