รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 29 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 29 กันยายน ปิดตลาดลดลงไปจากวันก่อนเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 636.57 จุด ลดลง 1.32 จุด หรือร้อยละ 0.21 มูลค่าการซื้อขายที่ 1.22 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆโดยปัจจัยลบยังคงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลก แลบเพิ่มการคาดการณ์รายได้ ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยะการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นเวิร์คพอยด์ ได้ช่วยหนุนตลาดให้ปรับลงไปไม่มากนัก

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติวันนี้

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเป็นวันที่เก้าติดต่อกันโดยอยู่ที่ 10,786.1 จุด ลดลงอีก 29.47 จุด หรือร้อยละ 0.27 จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อผลประกอบการของภาคเอกชน ซึ่งได้ทำให้หุ้นในกลุ่มส่งออกปรับตัวลดลง นอกจากนั้นความวิตกกังวลของนักลงทุนก่อนการประกาศข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมประจำเดือน ส.ค ในวันพรุ่งนี้ และการประกาศผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในวันศุกร์ ว่าตัวเลขดังกล่าวอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นไปมากนักก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการลงทุนในวันนี้

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันอังคารที่ 28 กันยายน ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 88.86 จุด หรือร้อยละ 0.89 ไปอยู่ที่ 10,077.4 จุด โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มผู้ผลิตโลหะ นอกจากนั้นราคาหุ้นคาเตอร์พิลลา อิงค์ ซึ่งได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป หลังจากที่บริษัทได้ปรัหนุนตลาด

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท , เยน และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 41.54 บาท/ดอลลาร์ฯ , 111.09 เยน/ดอลลาร์ฯ แต่ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.2316 ดอลลาร์ฯ/ยูโร

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยอยู่ที่ 636.57 จุด ลดไปจากวันก่อนเล็กน้อยที่ 1.32 จุด หรือร้อยละ 1.37 มูลค่าการซื้อขายที่ 12,226 ล้านบาท ตลาดปรับตัวผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ โดยยังคงได้รับปัจจัยลบจากเรื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลก และ การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นเวิร์คพอยด์ ที่เข้าซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก ได้ช่วยหนุนบรรยากาศในการลงทุน ทำให้ดัชนีปรับลดลงไม่มากนัก

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงเป็นวันที่เก้าติดต่อกัน ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นระยะเวลานานที่สุดในรอบ 2 ปี โดยปิดที่ระดับ 10,786.1 จุด ลดลงไป 29.47 จุด หรือร้อยละ 0.27 โดยปัจจัยหลักที่มากดดันตลาด ยังคงเป็นเรื่องของความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจ ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มส่งออกปรับตัวลงไปในวันนี้ นอกจากนั้นนักลงทุนยังเกิดความกังวลก่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่น ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ในวันพรุ่งนี้และผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรายไตรมาส หรือ ทังกัน ในวันศุกร์ ว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ทำให้เกิดการชะลอการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงบวกอยู่บ้างจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และผู้ผลิตโลหะ ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับลดลงไปมากนัก

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นไป 88.86 จุด หรือ ร้อยละ 0.89 ไปปิดที่ 10,077.4 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 1.4 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นคาเตอร์พิลลาร์ อิงค์ หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มการคาดการณ์รายได้ในปีนี้ และ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น หุ้นเชฟรอน เท็กซาโก และ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ซึ่งได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ได้ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 1,869.87 จุด เพิ่มขึ้นไป 9.99 จุด หรือ ร้อยละ 0.54 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ หลังจากที่ได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 41.6 บาท/ดอลลาร์ฯ เมื่อวานนี้ โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นไปตามค่าเงินเยน อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าเงินจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเเคบ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูตัวเลขประมาณการณ์ขั้นสุดท้ายของจีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 2 ที่จะประกาศในคืนนี้ เพื่อหาทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ

Yen/USD
เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อวานนี้ โดยการที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯได้ลดแรงบวกลงไปหลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 50.47 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ช่วยหนุนให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินเยนได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และการที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อเงินเยน ก่อนการประกาศข้อมูลผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรายไตรมาส หรือ ทังกัน ในวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม เงินเยนยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงไปอีกหากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินยูโร ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลในแง่ลบต่อเงินยูโร ส่วนเงินดอลลาร์ฯได้อ่อนค่าลงไปในช่วงสั้นๆ จากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Conference Board ที่ลดลงกว่าที่คาดไว้ในเดือน ก.ย.ที่ 96.8 คาดว่าค่าเงินดอลลาร์/ยูโร จะยังคงปรับตัวในช่วงแคบๆ โดยนักลงทุนจะรอดูการประกาศตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายของจีดีพีสหรัฐฯในไตรมาส 2 ในคืนนี้ และ ตัวเลขรายงานการผลิตประจำเดือน ก.ย.โดยสถาบันจัดการอุปทาน ในวันศุกร์

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 21,876.03 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 132 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวอยู่ระหว่าง –0.5 ถึง 1.5 bps. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวได้ปรับตัวอยู่ในช่วง 0.5 ถึง 1 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 28 กันยายน ได้ปรับตัวลดลง จากการที่นักลงทุนได้ขายพันธบัตรออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากที่ราคาได้ปรับเพิ่มขึ้นไปอย่างมากหลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ซึ่งอยู่ที่ 96.8 ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 99 นอกจากนั้นแล้ว การที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯในตลาด NYMEX ได้ลดแรงบวกลง หลังจากที่ได้ขึ้นไปอยู่เหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็ได้ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันกลับไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น