ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยปิดที่ 679.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.9 จุด หรือร้อยละ 2.71 มูลค่าการซื้อขายที่ 3 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดวัน โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ในวันนี้ และแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 13,359.25 จุด เพิ่มขึ้นถึง 239.22 จุด หรือร้อยละ 1.82 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นบริษัทจีนจากการที่คาดว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่มีการดำเนินมาตรการใหม่ๆในการชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงนี้
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันนี้ เช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 11,279.63 จุด เพิ่มขึ้นไป 294.46 จุด หรือร้อยละ 2.68 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ตามทิศทางของหุ้นในกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ และ การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของหุ้นชาร์ป คอร์ป หลังจากที่ได้เปิดเผยการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรกว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 112.38 จุด หรือร้อยละ 1.11 ไปอยู่ที่ 10,192.65 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตเดือน ก.ย.ที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และ การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากของราคาหุ้นบริษัทพีเพิลซอฟท์ และหุ้นบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับชิพ
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินเยน และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 110.61 เยน/ดอลลาร์ฯ และ1.2366 ดอลลาร์ฯ/ยูโร แต่ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.353 บาท/ดอลลาร์ฯ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยอยู่ที่ 679.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.9 จุด หรือร้อยละ 2.71 มูลค่าการซื้อขายที่ 30,265 ล้านบาท ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ในวันนี้ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก และแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นข่าวการเข้าซื้อหุ้นของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนบรรยากาศในการลงทุนวันนี้
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยปิดที่ระดับ 11,279.63 จุด เพิ่มขึ้นไปอย่างมากถึง 294.46 จุด หรือร้อยละ 2.68 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น หุ้นแอตแวนเทสท์คอร์ป ตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่มธนาคาร กับกลุ่มโบรกเกอร์ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนั้นแล้วราคาหุ้นชาร์ป คอร์ปก็ได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในวันนี้ หลังจากมีการเปิดเผยการคาดการณ์ผลกำไรในครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 13,359.25 จุด เพิ่มขึ้น 239.22 จุด หรือร้อยละ 1.82 โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบริษัทจีน จากการที่นักลงทุนคาดว่ารัฐบาลจีนจะยังคงไม่มีมาตรการใหม่ๆในการชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจออกมาในช่วงนี้ และ แรงซื้อที่มีเข้ามาจากกองทุนต่างๆก็ได้ทำให้ราคาหุ้นบลูชิพหลายตัวปรับขึ้นไปอย่างมากในวันนี้
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นถึง 112.38 จุด หรือ ร้อยละ 1.11 ไปปิดที่ 10,192.65 จุด ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.6 พันล้านหุ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคผลิตเดือน ก.ย.จากสถาบัน ISM ที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ, ตัวเลขการใช้จ่ายด้านก่อสร้างในเดือน ส.ค. และตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้น นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของหุ้นพีเพิลซอฟท์ หลังจากมีข่าวการปลดประธานกรรมการของบริษัท และได้ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับชิพปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเช่นเดียวกัน
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,942.2 จุด เพิ่มขึ้นไป 45.36 จุด หรือ ร้อยละ 2.39 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิพ โดยเฉพาะหุ้นพีเพิลซอฟท์
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้น นอกจากนั้นแล้ว การคาดการณ์เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ได้ทำให้มีแรงซื้อเงินบาทเข้ามามากขึ้นในวันนี้
Yen/USD
เงินเยนได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงหนุน จากการที่เจ้าหน้าที่การเงินจากกลุ่มประเทศจี 7 ไม่ได้กดดันประเทศจีนให้ปรับขึ้นค่าเงินหยวน ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันน้อยลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลเอเชียอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากในวันนี้ ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลงได้ช่วยหนุนให้เงินเยนไม่อ่อนค่าลงไปมากนัก
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปสู่ 50.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตลาด NYMEX เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้ว การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น ดัชนี ISM เดือน ก.ย.ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และยอดค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ส.ค.ที่เพิ่มขึ้นก็เป็นปัจจัยบวกอีกประการที่ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 20,637.14 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 50.9 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวลดลงไป ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 2 ถึง 8 bps.
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ได้ปรับตัวลดลงไป ถึงแม้ว่าจะได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตเดือน ก.ย.ที่ลดลงไปเล็กน้อยจากเดือนก่อนก็ตาม โดยอยู่ที่ 58.5 จากตัวเลขในเดือน ส.ค.ที่ 59.0 แต่ก็ยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าความคาดหมายของนักลงทุนที่ 58.0 และเพียงพอที่จะทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน พ.ย.นอกจากนั้นแล้วการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอื่นที่แข็งแกร่ง เช่น ตัวเลขค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ส.ค.และ ยอดขายรถยนต์เดือน ก.ย.ก็ได้ทำให้เกิดการณ์คาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มขึ้น