ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 6 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเล็กน้อย โดยปิดที่ 668.51 จุด ลดลง 5.37 จุด หรือร้อยละ 0.8 มูลค่าการซื้อขายที่ 2.9 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยได้แรงบวกจากการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติในหุ้นกลุ่มพลังงานและสื่อสาร อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงบ่าย
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สอง โดยปิดที่ 13,271.57 จุด ลดลงไป 59.53 จุด หรือร้อยละ 0.45 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับเป็นวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติของจีน ซึ่งส่งผลให้การซื้อขายเป็นไปค่อนข้างเบาบาง
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยอยู่ที่ 11,358.38 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง 103.55 จุด หรือร้อยละ 0.92 โดยได้รับแรงบวกจากการเปิดตัวของหุ้นอิเล็กทริค เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งได้ช่วยหนุนราคาหุ้นอื่นๆในกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก และการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มชิปปิ้ง หลังจากบริษัทชิปปิ้งรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่าจะเพิ่มจำนวนเรือของบริษัท
– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลง 38.86 จุด หรือร้อยละ 0.38 ไปอยู่ที่ 10,177.68 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ขึ้นไปทำสถิติใหม่อีกครั้ง, การปรับตัวลดลงของหุ้นบริษัทเอไอจี จากแนวโน้มที่ว่าบริษัทอาจจะถูกเจ้าหน้าที่รัฐฯยื่นฟ้อง และการประกาศตัวเลขดัชนีภาคบริการเดือน ก.ย.ของสถาบัน ISM ที่ลดลงกว่าที่คาดไว้
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินเยน และบาท โดยอยู่ที่ระดับ 111.2 เยน/ดอลลาร์ฯ และ 41.405 บาท/ดอลลาร์ฯ แต่ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.2295 ดอลลาร์/ยูโร
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวลดลงจากวันก่อน โดยปิดที่ 668.51 จุด ลดลง 5.37 จุด หรือร้อยละ 0.8 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 29,683 ล้านบาท ตลาดปรับตัวผันผวนในแดนลบและบวกตลอดวัน โดยได้รับแรงบวกจากแรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, พลังงาน และ เคมีภัณฑ์ จากกลุ่มของกองทุนในประเทศ และ นักลงทุนต่างชาติในช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม ตลาดได้ปรับตัวลดลงในช่วงบ่ายจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยขึ้นไปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ที่ 11,385.38 จุด เพิ่มขึ้นไปถึง 0.92 จุด หรือร้อยละ 0.92 จากการเปิดตัวอย่างสดใสของหุ้นอิเล็กทริค เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งได้ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก และหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นตลาดยังได้แรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มชิปปิ้ง หลังจากที่บริษัทนิปปอน ยูเซน เคเค ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้เปิดเผยว่าจะเพิ่มจำนวนเรือ
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สอง โดยปิดที่ 13,271.57 จุด ลดลง 59.53 จุด หรือร้อยละ 0.45 โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น และได้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับลงไปเล็กน้อย ประกอบกับการที่เป็นช่วงวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติของจีน ซึ่งได้ทำให้การซื้อขายเป็นไปค่อนข้างเงียบเหงา
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวลดลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยลดลงไป 38.86 จุด หรือ ร้อยละ 0.38 ไปปิดที่ 10,177.68 จุด ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.4 พันล้านหุ้น โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล, การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัทเอไอจี ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากแนวโน้มที่ว่าบริษัทอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐฯยื่นฟ้องในข้อหาช่วยเหลือลูกค้ารายหนึ่งในการซุกซ่อนหนี้เสีย และ การประกาศตัวเลขดัชนีภาคบริการเดือน ก.ย.ของสถาบัน ISM ที่ลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมัน
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเล็กน้อย โดยปิดที่1,955.5 จุด เพิ่มขึ้นไป 3.1 จุด หรือ ร้อยละ 0.16 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น หุ้นไอบีเอ็ม หลังจากที่บริษัทเจพี มอร์แกนได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาทได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินเยน ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ นอกจากนั้นแล้วการที่มีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯเข้ามาจากกลุ่มธุรกิจเอกชนในประเทศก็ได้ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปในวันนี้
Yen/USD
เงินเยนได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งได้ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ตลาด NYMEX ที่ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งน่าที่จะเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินเยนก็ตาม อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าเงินเยน/ดอลลาร์ฯจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จากการที่นักลงทุนได้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีภาคบริการประจำเดือน ก.ย.ของสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ที่ลดลงสู่ 56.7 จาก 58.2 ในเดือน ส.ค.ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้มีแรงขายดอลลาร์ฯออกมาก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ในวันศุกร์
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 15,859.93 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 70.7 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps. ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 6 ปีปรับตัวขึ้นไปมากที่สุดที่ 4 bps.
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคม แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน หลังจากที่ได้ปัจจัยบวกในช่วงแรกจากการประกาศตัวเลขดัชนีภาคบริการเดือน ก.ย.ของ ISM ที่ลดลงไปกว่าที่คาดไว้ และ การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่เหนือ 51 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ความคิดเห็นในเชิงบวกของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาดัลลัส เกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเห็นที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.75 เป็นระดับที่ไม่เหมาะสมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดไว้ที่ร้อยละ 4 ได้ทำให้แรงซื้อพันธบัตรลดลงไปในเวลาต่อมา