ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 1.78 จุดหรือร้อยละ 0.26 ไปปิดที่ 677.93 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี แต่แรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสารและแบงก์ได้ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปเพียงเล็กน้อย
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้โดยปิดที่ 13,305.13 จุด เพิ่มขึ้น 63.67 จุด หรือร้อยละ 0.48 โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของจีน หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้น และการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มชิบปิ้ง จากแนวโน้มการขยายตัวของวอลุ่มสินค้าในช่วงก่อนหมดอายุโควต้าสิ่งทอในปีหน้า
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันสุขภาพ และกีฬา
– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงเป็นวันที่สอง โดยลดลงไปอีก 70.2 จุด หรือร้อยละ 10.69 ไปอยู่ที่ 10,055.2 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งได้เพิ่มขึ้นไปปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรลในตลาด NYMEX และจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ประกอบกับการประกาศตัวเลขการจ้างงานในเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน , บาท และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 109.3 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.267 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2402 ดอลลาร์/ยูโร ตามลำดับ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นไป 1.78 จุด ไปปิดที่ 677.93 จุด หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 0.26 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 22,404.4 ล้านบาท โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อของนักลงทุนที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เช่น หุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี นอกจากนั้นแล้ว การที่นักลงทุนเริ่มคาดหวังว่าตลาดหุ้นในไตรมาส 4 จะอยู่ในช่วงขาขึ้นนั้นก็ได้ทำให้มีแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่เข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสื่อสารและแบงก์ทำให้ปรับตัวขึ้นไปเพียงเล็กน้อย
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการซื้อขายวันนี้ เนื่องในวันสุขภาพและกีฬา
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ 13,305.13 จุด เพิ่มขึ้นไป 63.67 จุด หรือร้อยละ 0.48 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือน ก.ย.ที่ดีขึ้นจากเดือนก่อน และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มชิบปิ้งจากแนวโน้มการขยายตัวของวอลุ่มสินค้าในช่วงก่อนหมดอายุสิ่งทอในปีหน้า นอกจากนั้นแล้ว ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเช่นเดียวกัน โดยนักลงทุนได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นดังกล่าวก่อนการประมูลที่ดินของทางการในวันพรุ่งนี้
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยปิดที่ 10,055.2 ลดลงไป 70.2 จุด หรือ ร้อยละ 0.69 ปริมาณการซื้อขายที่ 1.3 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยลบหลายประการ เช่น การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นไปทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่อีกครั้ง โดยราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ที่ตลาด NYMEX ได้ปิดที่ 53.3 ดอลลาร์/บาร์เรล, การปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวลดลงไป, การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเวชภัณฑ์หลังจากที่บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้ออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับยารักษาโรคไข้ข้ออักเสบของทางบริษัท และ การประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สองเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,919.97 จุด ลดลง 28.55 จุด หรือ ร้อยละ 1.47 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์หลังจากที่บริษัทพรูเดนเชียล อิควิตี้ ได้ลดอันดับความน่าลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวลงไป ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขาย
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินเยน หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
Yen/USD
เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้แข็งค่าขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน อันเป็นผลมาจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นไปเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 148,000 ตำแหน่งอย่างมาก ประกอบกับ เงินเยนยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าจีนอาจจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนหน้า ซึ่งได้ส่งผลให้เงินสกุลเอเชียส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือน ก.ย.ซึ่งได้ทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 1.2433 ดอลลาร์/ยูโรก่อนที่จะอ่อนค่าลงไปเล็กน้อย ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หรือปรับขึ้นไปอีกครั้งเดียวในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่อไปที่นักลงทุนสนใจเพื่อคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯได้แก่ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.ย.ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7914.9 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 39 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงไปตั้งแต่ –1 ถึง -4 bps.โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 4 ปีและ 8 ปีลดลงไปมากที่สุดถึง –4 bps.
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดไว้อย่างมาก ซึ่งได้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงเชื่อว่าจะมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯจะถูกปรับขึ้นไปอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ โดยจะพิจารณาจากตัวเลขรายงานการจ้างงานซึ่งยังคงมีอีก 2 ครั้ง ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือน ธ.ค.