รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันอังคารที่ 12 ตุลาคม ปิดตลาดลดลงไปหลังจากที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน โดยลดลงไป 19.66 จุดหรือร้อยละ 2.9 ไปปิดที่ 658.27 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยตลาดปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน เคมีภัณฑ์ และสื่อสารออกมา

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปปิดที่ 13,251.59 จุด ลดลงไป 53.54 จุด หรือร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการประมูลที่ดินของรัฐบาลได้ทำให้ตลาดลดลงไปไม่มากนักในวันนี้

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปอย่างมากในวันนี้ โดยอยู่ที่ 11,201.81 จุด ลดลงไปถึง 147.54 จุด หรือร้อยละ 1.3 จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มส่งออก และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ใกล้เคียงกับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ลดลงไปสองวันติดต่อกัน โดยเพิ่มไปอีก 26.77 จุด หรือร้อยละ 0.27 ไปอยู่ที่ 10,081.91 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ที่จะเริ่มมีการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 109.83 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.347 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2315 ดอลลาร์/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงไปหลังจากที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน โดยลดลงไป 19.66 จุด ไปปิดที่ 658.27 จุด หรือลดลงไปร้อยละ 2.9 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 22,835 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน ตามทิศทางของตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยได้ปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งได้ทำให้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ราคาได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่นหุ้นในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และ เคมีภัณฑ์ ออกมาในวันนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยปิดที่ 11,201.81 จุด ลดลงไปถึง 147.54 จุดหรือร้อยละ 1.3 โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันซึ่งปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ใกล้กับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรลในสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มส่งออก และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ปรับตัวลดลงไปอย่างมากในวันนี้ นอกจากนั้นแล้ว การที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีก่อนการรายงานผลประกอบการของบริษัทอินเทล ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขายในตลาด

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ 13,251.59 จุด ลดลงไป 53.54 จุด หรือร้อยละ 0.4 โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงปรับตัวลดลงอย่างมากในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลดลงไปไม่มากนัก เนื่องจากได้แรงหนุนจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อันเป็นผลจากการประมูลที่ดินของรัฐบาล

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 ต.ค.หลังจากที่ได้ลดลงไปเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน โดยปิดที่ 10,081.97 เพิ่มขึ้นไป 26.77 จุด หรือ ร้อยละ 0.27 ปริมาณการซื้อขายเบาบางที่ 944 ล้านหุ้น โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทต่างๆที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้อาจจะสูงเกินความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยได้ปิดที่ 53.64 ดอลลาร์/บาร์เรลที่ตลาด NYMEX ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการซื้อขาย และทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปเพียงเล็กน้อย

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยปิดที่1,928.76 จุด เพิ่มขึ้น 8.79 จุด หรือ ร้อยละ 0.46 โดยได้รับแรงบวกจากการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้จะมีการรายงานผลประกอบการของ อินเทล คอร์ป และ ยาฮู อิงค์ในวันอังคารนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับค่าเงินเยน โดยได้มีแรงซื้อดอลลาร์ฯเข้ามาจากภาคธุรกิจ หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯได้อ่อนค่าลงไปหลังจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงบวกจากการที่มีแรงซื้อคืนดอลลาร์ฯออกมา หลังจากที่ได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบเดือนเมื่อเทียบกับเงินเยนอันเป็นผลจากตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอ นอกจากนั้นแล้ว เงินเยนยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันนี้ และการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ใกล้กับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายโดยจะรอดูตัวเลขการเกินดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร จากการที่ได้มีแรงขายเงินยูโรออกมาเพื่อทำกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ค่าเงินได้แข็งค่าขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในรอบสัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้ว เงินดอลลาร์ฯยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการออกร่างภาษีใหม่ของสหรัฐฯที่จะมีการลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทสหรัฐฯที่นำรายได้กลับประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลให้มีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯเข้ามาอย่างมากในอนาคต

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 6,681.78 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 15.5 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 1 ปีปรับตัวขึ้นมากที่สุดถึง 5 bps. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงไปตั้งแต่ –1 ถึง -5 bps.โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 8 ปีลดลงไปมากที่สุดถึง –5 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯปิดทำการในวันจันทร์ที่ 11 ต.ค.เนื่องในวันโคลัมบัส