รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม ปิดตลาดลดลงไปเล็กน้อยจากวันก่อน โดยปิดที่ 646.51 จุด ลดลงไป 1.97 จุดหรือร้อยละ 0.3 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือนที่ 1หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ก่อนที่จะปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, เดินเรือ และปิโตรเคมี

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยปิดที่ 13,034.74 จุด ลดลง 24.69 จุด หรือร้อยละ 0.19 จากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หลังจากการเปิดเผยยอดขายที่พักอาศัยที่ลดลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน โดยปิดที่ 10,965.62 จุด ลดลงไปอีก 17.33 จุด หรือร้อยละ 0.16 โดยได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ประกอบกับนักลงทุนต้องการชะลอการซื้อขายก่อนการรายงานผลประกอบการของภาคเอกชนสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันก่อน โดยปิดที่ 9,933.38 จุด เพิ่มขึ้น 38.93 จุดหรือร้อยละ 0.39 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือ 55 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลได้เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดให้ปรับตัวขึ้นไปไม่มากนัก

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 109.28 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2474 ดอลลาร์/ยูโร แต่ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.47 บาท/ดอลลาร์ฯ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงไปปิดที่ 646.51 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือร้อยละ 0.3 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือนที่ 10,078.04 ล้านบาท แรงซื้อในหุ้นกลุ่มเดินเรือเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ส่งผลให้ตลาดปิดในแดนบวกในช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม การที่ปัจจัยลบต่างๆยังไม่คลี่คลายทั้งในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิได้ส่งผลให้มีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, เดินเรือ และเคมีออกมาในช่วงบ่ายส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลงไป

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน โดยลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 10,965.62 จุด ลดลงไปอีก 17.33 จุดหรือร้อยละ 0.16 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่เหนือ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งได้ทำให้หุ้นบริษัทสายการบินขนาดใหญ่ เช่น เจแปน แอร์ไลน์ ปรับตัวลดลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการ นอกจากนั้น การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเอ็นซีซี คอร์ป หลังจากที่บริษัทได้ออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับการขาดทุนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปี และการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการรายงานผลประกอบการภาคเอกชนของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขายในตลาดวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยอยู่ที่ 13,034.74 จุด ลดลงไป 24.69 จุด หรือร้อยละ 0.19 ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ได้มีการรายงานยอดขายที่พักอาศัยที่ลดลงไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลดลงไม่มากนัก โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ที่ 15 ต.ค. โดยปิดที่ 9,933.38 เพิ่มขึ้นไป 38.93 จุด หรือ ร้อยละ 0.39 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.65 พันล้านหุ้น โดยตลาดได้รับแรงบวกจากการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เช่น หุ้นวอล มาร์ทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเพียงเล็กน้อย

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,911.5 จุด เพิ่มไป 8.48 จุด หรือ ร้อยละ 0.45 โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยชดเชยปัจจัยลบในเรื่องของราคาน้ำมัน

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ กลับอ่อนค่าลงไปในวันนี้ ถึงแม้ว่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ และเงินเยนต่างก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแอหลายตัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแอหลายตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ การประกาศตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ที่ขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับ 2 เมื่อวันพฤหัสบดี, การรายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้นไปเพียงร้อยละ 0.1 และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ที่อยู่ที่ 87.5 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 94.0 เมื่อวันศุกร์ ซึ่งได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบเดือนครึ่งที่ 108.8 เยน/ดอลลาร์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.2507 ดอลลาร์ฯ/ยูโรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.และ ตัวเลขผลผลิตทางอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่แน่ใจในแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นมากนัก

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 9,777.01 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 25.6 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 14 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 15 ต.ค.ได้ปรับตัวลดลงไป หลังจากที่ได้มีการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ร้อยละ 0.7 และจากแถลงการณ์ของนายอลัน กรีนสแปน ที่ได้กล่าวปฎิเสธผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยระบุว่าราคาน้ำมันจะไม่ส่งผลกระทบในระดับเดียวกับในช่วงทศวรรษที่ 1970 ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจจะยังคงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯต่อไปในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ทั้งนี้นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามากนัก