รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม ปิดตลาดลดลงไปอีกเล็กน้อย โดยลดลง 3.19 จุด หรือร้อยละ 0.49 ไปอยู่ที่ 649.27 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆตลอดวัน โดยได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น, แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ได้ช่วยหนุนให้ตลาดปรับตัวลดลงไปเพียงเล็กน้อย

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันหยุดยาวในวันพรุ่งนี้ โดยอยู่ที่ 13,015.2 จุด เพิ่มขึ้น 16.07 จุด หรือร้อยละ 0.12 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมันของจีนตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยปิดที่ 10,789.23 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ลดลงไปอีก 92.95 จุด หรือร้อยละ 0.85 ทั้งนี้ตลาดรับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการที่เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลงไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้กดดันให้ราคาหุ้นในกลุ่มส่งออกขนาดใหญ่ เช่น ฮอนด้า มอเตอร์ ปรับตัวลดลง

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพุธที่ 20 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงเป็นวันที่สอง โดยปิดที่ 9,886.93 จุด ลดลง 10.69 จุดหรือร้อยละ 0.11 โดยได้รับแรงกดดันจากการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัท ฮันนีเวลล์ และบริษัทเจพี มอร์แกนที่ต่ำกว่าความคาดหมาย และการที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ช่วยหนุนตลาดให้ลดลงไปไม่มากนัก

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และยูโรในวันนี้ โดยอยู่ที่ 107.67 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2611 ดอลลาร์/ยูโร แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.317 บาท/ดอลลาร์ฯ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงเป็นวันที่สอง โดยปิดที่ 649.27 จุด ลดลง 3.19 จุด หรือร้อยละ 0.49 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 11,795 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆตลอดทั้งวัน โดยได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง, แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม แรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ได้ช่วยหนุนให้ตลาดปรับตัวลดลงไม่มากนักในวันนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 10,789.23 จุด ลดลงไปอีก 92.95 จุดหรือร้อยละ 0.85 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงใกล้กับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล และการที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มส่งออกขนาดใหญ่ เช่น หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ปรับตัวลดลง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการ นอกจากนั้น แล้ว การคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 3 ที่อาจจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของบริษัท ยาฮู เจแปน ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นดังกล่าว และหุ้นอื่นๆในกลุ่มที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต ปรับตัวลดลงไปในวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นก่อนวันหยุดยาวในวันพรุ่งนี้ โดยอยู่ที่ 13,015.2 จุด เพิ่มขึ้น 16.07 จุด หรือร้อยละ 0.12 โดยได้รับปัจจัยบวกจากปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมันของจีน ทั้งนี้การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางเนื่องจากนักลงทุนต้องการรอดูตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีนที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดลดลงไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 9,886.93จุด ลดลง 10.69 จุด หรือ ร้อยละ 0.11 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.69 พันล้านหุ้น ทั้งนี้การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปอยู่ใกล้กับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล และการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ลดลงกว่าที่คาดไว้ของบริษัท ฮันนีเวลล์ และ เจพี มอร์แกนได้ เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดซื้อขายในตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลดลงไปไม่มากนัก โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับน้ำมัน

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดที่1,932.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.07 จุด หรือ ร้อยละ 0.52 โดยการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทไมโครซอฟท์ที่จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีได้ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นดังกล่าว และหุ้นอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆจากวันก่อน หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วันขึ้นไปอีกร้อยละ 0.25 เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ โดยเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นจากการที่เงินเยนและค่าเงินสกุลหลักในภูมิภาคล้วนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯในวันนี้

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนครั้งใหม่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเปิดเผยตัวเลขการขาดดุลการค้าในเดือน ส.ค.ที่สูงเป็นอันดับ 2 เป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้ส่งผลให้มีแรงขายดอลลาร์ฯตัดขาดทุนออกมาอย่างมากที่ระดับ 108 เยน/ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับตัวเลขการเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียงร้อยละ 12.7 ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร ที่ 1.2629 ดอลลาร์ฯ/ยูโร เมื่อวานนี้ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับปัจจัยลบหลายประการ ได้แก่ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา, การที่ราคาน้ำมันและทองคำเพิ่มสูงขึ้น, การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร ทั้งนี้นักลงทุนจะรอการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีภาวะธุรกิจเดือน ต.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟียที่จะประกาศในวันนี้ เพื่อดูแนวโน้มทิศทางของเงินดอลลาร์ฯต่อไป

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 17,895.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 194 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ -1 ถึง -4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันพุธที่ 20 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันอังคารที่ผ่านมา ทั้งนี้ การที่เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลงไปอย่างมากนั้น ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ทำให้มีแรงซื้อพันธบัตรเข้ามาเนื่องจากเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนั้นแล้ว ตลาดพันธบัตรยังได้แรงหนุนจากการที่คาดว่านักลงทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ที่หนุนหลังโดยอสังหาริมทรัพย์จะเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการรีไฟแนนซ์อสังหาริมทรัพย์