รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม ปิดตลาดลดลง 10.67 จุด หรือร้อยละ 1.16 ไปอยู่ที่ 648.38 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวลดลงตลอดวัน โดยได้รับปัจจัยลบจากข่าวสถานการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แรงซื้อในหุ้นไทยออยส์ ซึ่งเข้าซื้อขายเป็นวันแรกได้ช่วยหนุนการซื้อขายให้เป็นไปอย่างหนาแน่น

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน โดยปิดที่ 12,852.35 จุด เพิ่มขึ้น 34.25 จุด หรือร้อยละ 0.27 จากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนที่กลับเข้ามาหลังจากที่ตลาดได้ลดลงอย่างมากเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และการชะลอการลงทุนก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯได้ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปเพียงเล็กน้อย

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเล็กน้อย โดยเพิ่มไปอีก 13.31 จุด หรือร้อยละ 0.12 ไปปิดที่ 10,672.46 จุด โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร และประกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวลดลงจากการแข็งค่าของเงินเยนในช่วงที่ผ่านมา และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม ปิดตลาดลดลงไปปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบปีเป็นวันที่สอง โดยปิดที่ 9,749.99 จุด ลดลง 7.82 จุดหรือร้อยละ 0.08 โดยได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์ฯได้อ่อนค่าลงไปใกล้กับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินยูโร และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน, บาท และยูโรในวันนี้ โดยอยู่ที่ 106.78 เยน/ดอลลาร์ฯ, 41.025 บาท/ดอลลาร์ และที่ 1.2804 ดอลลาร์/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยปิดที่ 648.38 จุด ลดลง 10.67 จุด หรือร้อยละ 1.62 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 26,116 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน โดยได้รับปัจจัยลบจากสถานการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดโลกส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรออกมา อย่างไรก็ตาม แรงซื้อในหุ้นใหม่ที่เข้าเทรดวันนี้ ได้แก่ หุ้นไทยออยส์ ได้ช่วยหนุนมูลค่าการซื้อขายให้เป็นไปอย่างคึกคัก

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยปิดที่ 10,672.46 จุด เพิ่มขึ้น 13.31 จุดหรือร้อยละ 0.12 โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มประกัน หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายนอกเวลาทำการในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นกลุ่มส่งออกหลายตัว เช่น หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นอย่างมากของเงินเยน นอกจากนั้นแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ยังต้องการชะลอการซื้อขายก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพื่อรอดูนโยบายการค้า และอัตราแลกเปลี่ยนของผู้นำคนใหม่

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 12,852.35 จุด เพิ่มขึ้น 34.25 จุด หรือร้อยละ 0.27 จากการเข้าซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายยังเป็นไปอย่างซบเซา จากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดของปีนี้ โดยอยู่ที่ 9,749.99 จุด ลดลง 7.82 จุด หรือ ร้อยละ 0.08 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.4 พันล้านหุ้น โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการอ่อนค่าลงใกล้กับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของเงินดอลลาร์ฯเมื่อเทียบกับยูโร และความวิตกกังวลก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อขายในตลาด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงบวกอยู่บ้างจากการที่ราคาน้ำมันดิบลดลงไปหลังจากที่ขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 55.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดที่1,914.04 จุด ลดลงไปเล็กน้อยอีก 1.1 จุด หรือ ร้อยละ 0.08 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งได้ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นและพันธบัตร

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นตามทิศทางของค่าเงินเยน และค่าเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ, การประกาศตัวเลขการขาดดุลการค้าที่สูงเป็นประวัติการณ์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ โดยยังคงปรับตัวอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 106.22 เยน/ดอลลาร์ฯที่ทำไว้เมื่อวานนี้ ทั้งนี้เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลงไปจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเงินดอลลาร์ฯมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงหากว่านายจอห์น แคร์รีชนะการเลือกตั้ง นอกจากนั้น ความคิดเห็นของรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นที่จะดำเนินการหากดอลลาร์ฯร่วงลงรวดเร็วเกินไปเมื่อเทียบกับเงินเยนได้ช่วยลดแรงบวกของเยน/ดอลลาร์ฯในช่วงสั้นๆ ในวันนี้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร ที่ 1.2842 ดอลลาร์ฯ/ยูโรในวันนี้ โดยได้ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ได้มีการประกาศยอดการขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับ 2 นอกจากนั้น เงินยูโรยังได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของสถาบัน Ifo ของเยอรมันนีซึ่งเพิ่มขึ้นสู่ 95.3 ในเดือน ต.ค.และเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 9,948.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 44 มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลังกว่าร้อยละ 33 และร้อยละ 31 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ลดลงไป –0.5 ถึง –1 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนได้ลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 เดือน หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เหนือ 55.6 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้น ตลาดพันธบัตรยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯ โดยคาดว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆในเอเชียอาจจะเข้าเเทรกเเซงการ โดยเข้าซื้อดอลลาร์ฯ และลงทุนในพันธบัตร