ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 628.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด หรือร้อยละ 1.06 มูลค่าการซื้อขายที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวลดลงในช่วงเช้าจากข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน แต่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงบ่าย โดยได้รับปัจจัยบวกจากข่าวการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 ของกองทุนวายุภักษ์ และการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยปิดที่ 13,054.66 จุด ลดไป 58.49 จุด หรือร้อยละ 0.45 จากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัทจีน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า, เหมืองแร่ และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการสกัดกั้นเงินกู้ของรัฐบาลจีน
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไป 81.7 จุด หรือร้อยละ 0.75 ไปปิดที่ 10,771.42 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนซึ่งได้ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กกล้าลดลง นอกจากนั้นนักลงทุนยังชะลอการเข้าซื้อขายก่อนสุดสัปดาห์ จนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า
– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปเพียงเล็กน้อย โดยปิดที่ 10,004.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.51 จุดหรือร้อยละ 0.03 ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ปรับตัวลดลงไปปิดที่ 50.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น ชดเชยปัจจัยลบจากข่าวที่จีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซึ่งทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า และเหมืองปรับตัวลดลงไป
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และยูโรในวันนี้ โดยอยู่ที่ 105.93 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2759 ดอลลาร์/ยูโร แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.01 บาท/ดอลลาร์ฯ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยยังคงปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดยปิดที่ 628.16 จุด เพิ่มขึ้นไป 6.59 จุด หรือร้อยละ 1.06 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 16,703 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลดลงไปในช่วงเช้าจากข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนซึ่งทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มเดินเรือ และเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข่าวการเข้าลงทุนในกลุ่ม SET 50 ของกองทุนวายุภักษ์ ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งได้ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงบ่าย
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปในวันนี้ โดยปิดที่ 10,771.42 จุด ลดลงไป 81.7 จุดหรือร้อยละ 0.75 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กกล้า จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์จากจีน หลังจากที่จีนได้ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปีเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี นอกจากนั้นแล้ว นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ยังคงต้องการชะลอการซื้อขายในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนจะทราบนโยบายการค้า และอัตราแลกเปลี่ยนของผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปเล็กน้อย โดยลดลง 58.49 จุด หรือร้อยละ 0.45 ไปอยู่ที่ 13,054.66 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการที่จีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดเมื่อวานนี้ ซึ่งได้ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทจีน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า, เหมืองเเร่ และอสังหาริมทรัพย์ปรับซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการสกัดกั้นเงินกู้ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลดลงไปเพียงเล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงไปในวันนี้
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปเพียงเล็กน้อย โดยอยู่ที่10,004.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.51 จุด หรือ ร้อยละ 0.03 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.6 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปิดที่ 50.92 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของผลกำไรภาคเอกชน ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น และชดเชยปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงไปของราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า และเหมืองแร่ หลังจากที่จีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีเมื่อวานนี้
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นไปเช่นกัน โดยปิดที่1,975.74 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. โดยเพิ่มขึ้น 5.75 จุด หรือ ร้อยละ 0.29 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงไป
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปหลังจากที่ได้แข็งค่าไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวานนี้ สวนทางกับทิศทางของค่าเงินเยน โดยเงินบาทได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่มีข่าวเหตุการณ์วางระเบิดเมื่อคืนนี้ และเมื่อเช้านี้
Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยอยู่เหนือ 105.9 เยน/ดอลลาร์ฯซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้เงินเยนได้อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยหลังจากที่มีข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของจีนประเภท 1 ปีสู่ร้อยละ 5.58 จาก ร้อยละ 5.31 และดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 1 ปีเป็นร้อยละ 2.25 จากร้อยละ 1.98 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี แต่ได้กลับแข็งค่าขึ้นในภายหลัง โดยนักลงทุนได้พิจารณาว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นน่าที่จะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนค่าเงินในภูมิภาคมากกว่า นอกจากนั้น นั้นแล้ว เงินดอลลาร์ฯยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากการที่คาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะยังไม่มีการเข้าแทรกแซงการเเข็งค่าของเงินยูโร และการที่นักลงทุนได้กลับไปให้ความสนใจกับปัจจัยลบต่างๆที่กดดันค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนั้น นักลงทุนยังคงชะลอการเข้าซื้อดอลลาร์ฯก่อนการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 และผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันนี้
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 15,947.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 144 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 1, 3 และ 6 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในช่วง -1 ถึง 1 bps.
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. ยังคงปรับตัวลดลงไป โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายมากขึ้น ก่อนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯในวันนี้ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดกันว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 4 ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 ในไตรมาสก่อน นอกจากนั้น การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงไป ได้ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น