ต้อนรับปีระกา 2548 ตลาดเงินตราต่างประเทศพลิกผัน เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีค่าเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว สามารถยืนอยู่ที่อัตราเฉลี่ยราว 1.31 ดอลลาร์/ยูโร เทียบกับสถิติต่ำสุดวันส่งท้ายปีเก่า ณ อัตราเฉลี่ยราว 1.36 ดอลลาร์/ยูโร ขณะเดียวกันเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 105 เยน/ดอลลาร์ จากอัตราเข้มแข็งที่ 102 เยน/ดอลลาร์เมื่อสิ้นปี 2547 ส่วนเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าร่วงลงต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อตลาดเงินลังเลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยอังกฤษ และคาดว่าอาจมีแนวโน้มลดต่ำลง สำหรับราคาทองคำต่างประเทศ หล่นลงเกือบ 20 ดอลลาร์จากปลายปีวอก เป็นผลจากนักลงทุนหันไปถือสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น และเทขายทองคำ
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับฉลองศักราชใหม่ 2548 แม้ว่าก่อนหน้านี้ ตลาดเงินมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯ เนื่องจากเกรงว่าเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าสหรัฐฯ อาจไม่เพียงพอที่จะเจือจุนยอดขาดดุลทั้งสองของอเมริกา จนทำให้เงินดอลลาร์มีค่าง่อนแง่นมาโดยตลอด อีกทั้ง ยังมีค่าตกต่ำลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ณ อัตราเฉลี่ย 1.36 ดอลลาร์/ยูโร ช่วงท้ายปี 2547
แต่อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์กลับมีค่าแข็งแกร่งอย่างไม่คาดฝัน เมื่อตลาดเงินเปิดทำการในวันแรกของปีใหม่ และยังคงไต่สูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญต่างๆ ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนเงินดอลลาร์ ได้แก่ การคาดคะเนว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯมีทิศทางที่จะปรับสูงขึ้นอีกในเร็วๆนี้ เพราะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์สดใส อาทิ ดัชนีวัดอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯเดือนธันวาคมอยู่ที่ระดับ 58.6 จากระดับ 57.8 ในเดือนพฤศจิกายน เป็นต้น ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ที่ 2.25% นับเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มยูโรซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.0% ทำให้เก็งกันว่าหากสหรัฐฯปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก อาจเพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุนหันมาถือสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น ช่วยลดความวิตกกังวลที่ว่าเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯอาจชะลอลง เพราะเมื่อผลตอบแทนสูง ย่อมโน้มน้าวให้มีเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯมากขึ้นเป็นลำดับ ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนบางส่วนยังคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯอาจไม่เลวร้ายจนเกินไป ก็มีผลที่ทำให้ตลาดเงินเชื่อว่าสหรัฐฯจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้
ในทางตรงกันข้าม เงินยูโรมีค่าอ่อนกำลังลง เนื่องจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจกลุ่มยูโรสร้างความผิดหวังให้แก่ตลาดเงิน เช่น ดัชนีวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคของฝรั่งเศสเดือนธันวาคมลดลงต่ำสุดในรอบปีที่แล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตกลุ่มยูโรลดลงในเดือนพฤศจิกายน และยอดค้าปลีกเยอรมันเดือนพฤศจิกายนต่ำกว่าที่คาดไว้ เป็นต้น ล้วนสะท้อนภาพเศรษฐกิจกลุ่มยูโรที่อ่อนแรงลงในรอบปีที่ผ่านมา และมีทิศทางที่ยังคงมืดมนในปี 2548
เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าสวนทางกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินปอนด์อ่อนกำลังลงเป็นลำดับ จากอัตราเฉลี่ยราว 1.91 ดอลลาร์/ปอนด์ในวันส่งท้ายปีเก่า หล่นมาอยู่ที่อัตราเฉลี่ยราว 1.87 ดอลลาร์/ปอนด์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ระกา สาเหตุสำคัญที่กดดันค่าเงินปอนด์ ได้แก่ ความซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษและภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศ กลายเป็นสัญญาณชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จากเดิมที่ตลาดเคยมองว่าแบงก์ชาติอาจชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้มีการเทขายเงินปอนด์ออกมา โดยเฉพาะช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากที่มีประกาศตัวเลขภาคบริการของอังกฤษอ่อนแรงลงอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในอังกฤษ
ตลาดทองคำต่างประเทศ ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ค่อนข้างผันผวน โดยต้อนรับปีไก่อย่างอับเฉา ราคาทองคำลดลงอย่างมากจากราคาเฉลี่ยประมาณ 439 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงสิ้นปีเก่า มาอยู่ที่ระดับราคาเฉลี่ยเพียง 422 ดอลลาร์/ออนซ์ ในปี 2548 ปัจจัยหลักที่ฉุดราคาทองคำ ก็คือ ความเข้มแข็งของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการที่ราคาน้ำมันโน้มต่ำลง อนึ่ง ในรอบปีที่ผ่านมา ทองคำมีราคาสูงขึ้นประมาณ 10% นับเป็นปีที่สามที่ราคาสุกใส
อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 3 มกราคม 2548 เทียบกับวันที่ 6 มกราคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.3464 ดอลลาร์/ยูโร (1.3175 ดอลลาร์/ยูโร) 102.73 เยน (105.04 เยน) และ 1.9045 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8752 ดอลลาร์/ปอนด์)
ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2548 เท่ากับ 426.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 422.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2548