ดอลลาร์หมดฤทธิ์ :ขาดดุลการค้าสหรัฐฯรังควาน

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ หมดแรงขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากมีค่ากระเตื้องแตะ 1.30 ดอลลาร์/ยูโร และ 104 เยน/ดอลลาร์ ในช่วงแรกของสัปดาห์ ปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ค่าเงินดอลลาร์โน้มต่ำลง ได้แก่ รายงานยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าสูงถึง 60.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับที่ประมาณการไว้ 54 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดเงินหวนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯอีกระลอก ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น มีค่าเข้มแข็งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และเงินยูโร เป็นผลจากเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคารกลางยุโรปได้แสดงความคิดเห็นว่าเงินสกุลเอเชีย โดยเฉพาะเงินหยวน ควรมีค่าแข็งแกร่งกว่าที่ควรจะเป็นในขณะนี้ ทางด้านเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1.87-1.89 ดอลลาร์/ปอนด์ แม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษยังคงรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยคงเดิม แต่ตลาดเงินคาดว่าอังกฤษมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลังของปี 2548 สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ได้รับอิทธิพลมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสำคัญ โดยมีราคาซื้อขายอยู่ในช่วงเฉลี่ยราว 420-427 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าอ่อนตัวลงเป็นลำดับ โดยได้รับแรงกดดันในระยะแรกจากการเทขายเอากำไรจากนักค้าเงิน เนื่องจากไม่มั่นใจเกี่ยวกับรายงานตัวเลขการค้าสหรัฐฯที่จะประกาศตอนกลางสัปดาห์ ประกอบกับก่อนหน้านี้ ค่าเงินดอลลาร์เข้มแข็งอย่างมาก เป็นผลจากการแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ นาย John Snow ที่ย้ำว่าสหรัฐฯต้องการลดยอดขาดดุลการค้าและยอดขาดดุลงบประมาณ เพื่อสนับสนุนนโยบายค่าเงินดอลลาร์เข้มแข็ง ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น ตลาดเงินก็เริ่มเทขายเพื่อเอากำไร

ยิ่งไปกว่านั้น เงินดอลลาร์ยังมีค่าลดต่ำลงชัดเจน เมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของธนาคารกลางยุโรปออกมาเตือนให้ประเทศเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ควรปรับค่าเงินท้องถิ่นสะท้อนกลไกตลาด หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ควรปรับค่าเงินสกุลเอเชียเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะจะช่วยให้สถานการณ์การค้าต่างประเทศของสหรัฐฯกระเตื้องดีขึ้น ที่ผ่านมาสหรัฐฯมียอดขาดดุลการค้าและยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นมูลค่าสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการที่สกุลเงินเอเชียต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ การที่ยุโรปออกมาระบุให้ประเทศย่านเอเชีย โดยเฉพาะจีน ตระหนักถึงการปล่อยให้ค่าเงินหยวนยืดหยุ่น ได้มีผลให้ค่าเงินเยนญี่ปุ่นโน้มสูงขึ้นทันที เนื่องจากตลาดเงินมองว่าหากค่าเงินหยวนสูงขึ้น จะพลอยหนุนให้ค่าเงินเอเชียต่างๆเข้มแข็งตามไปด้วย เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ในช่วงกลางสัปดาห์ เงินดอลลาร์มีค่าร่วงลงอย่างเร็ว หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศยอดขาดดุลการค้าเดือนพฤศจิกายนเป็นจำนวนเงินถึง 60.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจมีผลให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯทั้งปี 2547 มีมูลค่าสูงถึง 600 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับมูลค่าขาดดุล 496.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2546 ข่าวดังกล่าวฉุดให้ค่าเงินดอลลาร์ทรุดต่ำลงทันที แม้ว่ารัฐมนตรีคลัง John Snow จะออกมาอธิบายว่าสาเหตุของการขาดดุลมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯสดใส ชาวอเมริกันมีรายได้เพิ่มขึ้นจึงใช้สอยเต็มที่ก็ตาม

เป็นที่น่าสังเกตว่า เงินดอลลาร์ได้ทรงตัวอยู่ที่อัตราเฉลี่ยราว 1.32 ดอลลาร์/ยูโรในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากค่าเงินยูโรอ่อนแรงลง เมื่อเทียบกับเงินเยน จึงช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ยืนหยัดเมื่อเทียบกับเงินยูโรด้วย ปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินยูโรลดต่ำลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ยังคงเป็นกระแสความวิตกที่ว่ากลุ่ม G7 อาจเรียกร้องให้จีนปล่อยค่าเงินหยวนยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ การประชุมเจ้าหน้าการเงินระดับสูงของ G7 จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อนึ่ง การที่ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจให้รักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ณ อัตรา 2.0% เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ไม่ได้มีผลแก่ค่าเงินยูโรแต่ประการใด

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าอ่อนไหว เป็นผลมาจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษที่สะท้อนว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปน่าจะลดต่ำลง มากกว่าที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี รวมถึงผลผลิตจากโรงงานเดือนพฤศจิกายนที่ลดลงเช่นกัน ล้วนชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจอังกฤษคลายความร้อนแรงลงอย่างมาก และอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลังของปีนี้ ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศทรงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75% เช่นเดิม

ตลาดทองคำต่างประเทศ จับตาทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสำคัญ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ราคาทองคำหล่นลงมาก ต่ำกว่าราคาเฉลี่ย 420 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ราคาทองคำกระเตื้องดีขึ้นเป็นลำดับในเวลาถัดมา เมื่อค่าเงินดอลลาร์หวั่นไหวจากยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯที่เพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ราคาทองคำมายืนที่ระดับเฉลี่ย 427 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 10 มกราคม 2548 เทียบกับวันที่ 13 มกราคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.3083 ดอลลาร์/ยูโร (1.3224 ดอลลาร์/ยูโร) 104.36 เยน (102.41 เยน) และ 1.8756 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8831 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 เท่ากับ 420.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 424.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2548