บริษัท เวอริทัส ซอฟท์แวร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงผลประกอบการทางการเงินไตรมาสสุดท้าย สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2548 โดยมีรายได้ 574 ล้านเหรียญสหรัฐ (22,389 ล้านบาท)และสำหรับปี 2547 ทั้งปีมีรายได้ทั้งสิ้น 2,042 ล้านเหรียญสหรัฐ (79,638 ล้านบาท) เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ที่มีรายได้ 1,747 ล้านเหรียญ 68,133 ล้านบาท โดยพบว่าเวอริทัสมีอัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง 17%
“ผลประกอบการที่โดดเด่นภายในไตรมาสที่ 4 นี้ มาจากการที่เราสามารถสร้างยอดรายได้ภายในไตรมาสได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้ยอดรายได้ของปีทะลุเป้าที่ตั้งไว้คือ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (78,000 ล้านเหรียญ) โดยเราสามารถทำรายได้สูงถึง 2,042 ล้านเหรียญสหรัฐ )79,638 ล้านบาท)“ นายแกรี่ บลูม ประธานและประธานกรรมการบริหารของเวอริทัส ซอฟท์แวร์ กล่าว “ทั้งนี้เราเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เวอริทัสประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ มาจากการที่เราได้มุ่งเน้นความสำคัญที่การดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตแบบ 3 มิติ อันดับแรกคือ การขยายการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น อันดับต่อมาคือ การขยายความสามารถในการทำงานร่วมกับทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ในแพลทฟอร์มที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างข้อได้เปรียบของผลิตภัณฑ์ของเวอริทัสในเรื่องการทำงานข้ามระบบงานที่หลากหลาย ( Heterogeneous advantage ) และอันดับสุดท้ายคือการให้ความสำคัญกับการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น โดยขยายการลงทุนทั่วโลกเพื่อเพิ่มความสามารถด้านการขายและการให้บริการมากขึ้น ทั้งนี้เวอริทัสจะขยายการลงทุนในทวีปต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลประกอบการที่มั่นคง โดยในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกามีอัตราเติบโตถึง 40% และสำหรับภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และญี่ปุ่นมีอัตราเติบโต 24 % ปีต่อปี”
นอกเหนือจากผลประกอบการทางการเงินที่มั่นคง เวอริทัสยังประสบความสำเร็จอย่างมากในการดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ ได้แก่
• การนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมไปถึงแบ็คอัพ เอ็กเซ็ก 10.0 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีท่ามกลางงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่กรุงนิวยอร์ก และในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นอัพเกรดดังกล่าว สร้างความพึงพอใจเป็นอย่างมาก ให้แก่ทั้งพันธมิตรและลูกค้า จากการเปิดตัวพร้อมแนะนำชุดผลิตภัณฑ์ แบ็คอัพ เอ็กเซ็ก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสามารถในการกู้คืนจากดิสก์ภายในเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
• การขยายการสนับสนุนสำหรับ ไอบีเอ็ม เอไอเอ็กซ์ , เอชพี ยูนิกซ์, โซลาริส เอ็กซ์ 86, อินเทล ไอทาเนียม แพลทฟอร์มแบบสองโปรเซสเซอร์ รวมถึง เรด แฮท เอ็นเตอร์ไพร์ส และ ซูซี่ ลีนุกซ์
• การกระชับสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้น เอชพี ด้วยการประกาศข้อตกลงด้าน โออีเอ็ม โดยการเป็นซัพพลายเออร์ของเอชพี ในส่วนโซลูชั่นเพื่อการจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงบนเซิร์ฟเวอร์ (Server-based Storage Virtualization Solutions) สำหรับระบบ HP-UX 11i ซึ่งเป็นระบบที่สร้างความต่อเนื่องสูงในการทำงาน
• การขยายความสัมพันธ์อันดีร่วมกับ เน็ตเวิร์ก แอพพลายแอนซ์, ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และผู้วางระบบรายหลักๆ หลายรายด้วยกัน
• ความสำเร็จในกลยุทธ์การซื้อกิจการ 3 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ อีจาเซนท์ (Ejasent) อินวิโอ ซอฟท์แวร์ (Invio Software) และ เควอลท์ (KVault Software) ซึ่งช่วยให้เวอริทัสสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดหลักๆ ได้แก่ ระบบงานด้านแอพพลิเคชั่นเสมือนจริง (Application Virtualization) ระบบบริหารกระบวนการไอทีแบบอัตโนมัติ ( IT Process Automation) ระบบทำงานร่วมกัน และการทำอีเมลล์อาไคร์ฟ (E-mail Archiving and Compliance)
• ผลที่ได้คือ การเสริมศักยภาพของบริษัทในฐานะผู้นำในตลาดหลัก ได้แก่ ซอฟท์แวร์ด้านการจัดเก็บข้อมูล การสำรองและการกู้คืนข้อมูล การบริหารการจัดเก็บ การทำอาไคฟ์และระบบไฟล์
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 เวอริทัสได้มีการประกาศข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับบริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ในลักษณะการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้น เรียกได้ว่าการรวมตัวของผู้นำด้านซอฟท์แวร์สตอเรจ และผู้นำด้านซอฟท์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัย จะช่วยให้ลูกค้าระดับเอ็นเตอร์ไพร์ส สามารถปกป้องและบริหารจัดการข้อมูลที่ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าอย่างมากได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การควบรวมในครั้งนี้ เป็นการสร้างจุดยืนที่โดดเด่นในตลาด ในเรื่องการนำเสนอเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัย และโซลูชั่นที่ช่วยสร้างความต่อเนื่องในการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม ตั้งแต่เดสก์ทอป ตลอดจนศูนย์ข้อมูล ให้แก่ลูกค้าตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่จนถึงองค์กรขนาดเล็ก รวมถึงผู้ให้บริการ การตกลงซื้อขายคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปี 2548 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท และการอนุมัติในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับเวอริทัส ซอฟท์แวร์
เวอริทัส ซอฟท์แวร์ ติดอันดับหนึ่งในสิบของบริษัทซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านการให้บริการซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้สามารถใช้ระบบไอทีได้ในลักษณะระบบสาธารณูปโภค (Utility Computing) รูปแบบของระบบ Utility Computing คือการนำทรัพยากรไอทีมาปรับใช้ได้อย่างสอดคล้องตามความต้องการของธุรกิจ และช่วยให้ใช้แอพพลิเคชั่นทางธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้ความต่อเนื่องในการใช้งานสูงสุด บนระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ใช้งานร่วมกัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของฮาร์ดแวร์และแรงงานบุคคลากร
เวอริทัสมีรายได้ในปี 2547 เป็นมูลค่า 2,042 ล้านเหรียญสหรัฐ (79,638 ล้านบาท) เวอริทัสมีผลิตภัณฑ์และบริการในสำหรับ ระบบปกป้องข้อมูล (Data Protection) ระบบบริหารการจัดเก็บและสำรองข้อมูล (Storage Management) ระบบบริหารเซิร์ฟเวอร์ (Server Management) ระบบที่ให้ความพร้อมสูงสุดในการเรียกใช้ข้อมูล (High Availability) ระบบบริหารประสิทธิภาพการทำงานของแอพลิเคชั่น (Application Performance Management) ซึ่งจำนวนร้อยละ 99 ของบริษัทในทำเนียบฟอร์จูน 500 ต่างให้ความไว้วางใจใช้ผลิตภัณฑ์ของเวอริทัส สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท เวอริทัส ซอฟท์แวร์ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ www.veritas.com
