19 พฤษภาคม 2548 – ดร.สุดธิดา สังขมณี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.นี้ บริษัทซีพีเมจิ มีแผนที่จะส่งออกผลิตใหม่ โยเกิร์ตรสผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งเป็นโยเกิร์ตรสชาติใหม่ 3 รสชาติ ประกอบด้วย รสมะม่วง ลำไย สับปะรด ส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดประเทศอาเซียน ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาดอาเซียน หลังจากประสบความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศสิงคโปร์มาแล้ว เนื่องจากมองว่าตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและ South Africa ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมากอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปรุกตลาดต่างประเทศคือ Softy Yoghurt ซึ่งปัจจุบันซีพี เมจิ เป็นผู้นำตลาดในประเทศสิงคโปร์ และมีสินค้าวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ รวมทั้ง ไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ อาทิ Medi-ya, Giant Cold Storage,7-11 ฯลฯ โดยมีบริษัท Chira Tai Consumer Products เป็นผู้แทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ปัจจุบันมี 6 รสชาติ คือ สตรอเบอรี่ มิกซ์เบอรี่ วุ้นมะพร้าว ผลไม้รวม ว่านหางจระเข้ รสธรรมชาติ
จากคุณภาพของโยเกิร์ตเมจิ ซึ่งมีคุณภาพดี ไขมันต่ำ และรสชาติอร่อย โดยมีเนื้อผลไม้มากกว่าโยเกิร์ตทุกยี่ห้อที่วางจำหน่ายในตลาด ผู้บริโภคสามารถพบผลไม้เป็นลูก ๆ จริงในโยเกิร์ตของเมจิ ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดที่เน้นเข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมโยเกิร์ตฟรี 1,000,000 ถ้วยตลอดปี 2548 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ดร.สุดธิดา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันตลาดโยเกิร์ตในประเทศมีมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 25% บริษัทซีพี เมจิ มีส่วนแบ่งตลาดโยเกิร์ตประมาณ 20% และใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่าตลาดโยเกิร์ตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3-4พันล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดโยเกิร์ตของซีพี เมจิ ในปีนี้ บริษัทจะเน้นเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโยเกิร์ตรสชาติใหม่ 4 รสชาติ จากเดิมที่มีสินค้าใหม่วางตลาดปีละ 1 รสชาติ เพื่อรับมือกับการแข่งขันและเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยช่องทางจำหน่ายสินค้านั้นจะเน้นทำตลาดทั้งในส่วนของโมเดิร์นเทรดและการขายตรงถึงผู้บริโภค รวมทั้งเร่งขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นประถม และผู้สูงอายุมากขึ้น เนื่องจากพบว่าปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาบริโภคโยเกิร์ตเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เน้นทำตลาดกับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก
ดร.สุดธิดา กล่าวในตอนท้ายว่ากิจกรรมของ ซีพี เมจิ ในงาน Thaifex-World of Food Asia 2005 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18-22 พ.ค.2548 นอกจากเตรียมจัดเจ้าหน้าที่ประจำบูธไว้คอยแนะนำผลิตภัณฑ์ให้กับนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทแล้ว ซีพี เมจิ ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษสุดสำหรับผู้บริโภคที่เข้าไปชมงานด้วยการนำสินค้า อาทิ นมพาสเจอร์ไรส์ นม UHT และโยเกิร์ต ขนาด 150 กรัม มาจำหน่ายในราคาพิเศษ รวมทั้งมีกิจกรรมสาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพโดยใช้ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตรสชาติต่างๆ เป็นส่วนประกอบด้วย จากกิจกรรมดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศและผู้บริโภคไทยรู้จักและหันมานิยมผลิตภัณฑ์ของซีพี เมจิ มากขึ้น


