ค่าดอลลาร์วูบวาบ : ปัจจัยบวก-ลบพอกัน

เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีค่าทรุดต่ำลงในช่วงแรก หลังจากที่เงินยูโรได้รับแรงสนับสนุนจากการลงประชามติของชาวลักเซมเบิร์กเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของสหภาพยุโรป และการคาดคะเนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยยุโรป แต่อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ฟื้นตัวกลับมาเข้มแข็งดังเดิม เนื่องจากรายงานยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเดือนพฤษภาคมลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯปี 2548 ด้วย ส่วนเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่ากระเตื้องดีขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่ตลาดเงินคลายความกังวลเกี่ยวกับภัยก่อการร้ายในอังกฤษ และเห็นว่าผลกระทบจากวินาศกรรมลอนดอนในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าไม่ได้ส่งผลเสียหายแก่ธุรกิจและเศรษฐกิจร้ายแรงจนเกินไป สำหรับราคาทองคำต่างประเทศ เคลื่อนไหวสวนทิศทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง ซื้อขายอยู่ในช่วง 424-426 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีค่าอ่อนไหวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เป็นผลจากแรงเทขายต่อเนื่องหลังจากรายงานตัวเลขการจ้างงานใหม่ของสหรัฐฯเดือนมิถุนายนไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจของตลาดเงินเท่าใดนัก ประกอบกับนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับตัวเลขยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯที่จะประกาศตอนกลางสัปดาห์ ซึ่งมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้วว่าอาจขาดดุลเป็นจำนวนมาก โดยดูจากรายงานยอดเกินดุลการค้าของจีนที่ประกาศไปแล้ว ปรากฏว่าจีนมียอดเกินดุลเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้น 5 เท่า ทำให้ตลาดเงินกลัวว่าสถานการณ์เกินดุลของจีนอาจสะท้อนให้เห็นภาพยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯไปโดยปริยาย

ในขณะเดียวกัน การที่เงินยูโรกลับมามีค่าเข้มแข็ง ส่งผลกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนแรงลงเช่นกัน ปัจจัยสำคัญที่ช่วยฉุดค่าเงินยูโรสูงขึ้น ได้แก่ ผลการลงประชามติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของอียู ซึ่งชาวลักเซมเบิร์กยินยอมรับร่างดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในกลุ่มอียูลงระดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เงินยูโรยังได้รับข่าวดีที่ว่าธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจปรับสัดส่วนการถือเงินสำรองของประเทศเป็นสกุลเงินยูโรเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณความต้องการถือเงินยูโรกลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้ สมาชิกของสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป นาย Nicholas Garganas ที่แสดงความคิดเห็นว่าภาวะน้ำมันแพง อาจส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อต้องปรับสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ธนาคารไม่อาจลดอัตราดอกเบี้ยยุโรปได้ดังที่ตลาดเงินเก็งกันไว้

อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์มีค่าฟื้นตัวในตอนกลางสัปดาห์ เพราะยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมมีมูลค่าราว 55.35 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการไว้ และต่ำกว่ายอดขาดดุลเดือนเมษายนที่มีมูลค่า 56.9 พันล้านดอลลาร์ จึงช่วยลดกระแสความกังวลเกี่ยวกับปัญหาพื้นฐานของสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอเมริกันก็ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เกี่ยวกับยอดขาดดุลงบประมาณปี 2548 เหลือราว 333 พันล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นสุดเดือนกันยายน 2548 เทียบกับตัวเลขที่คาดไว้ก่อนหน้า 427 พันล้านดอลลาร์ และยอดขาดดุลปี 2547 มูลค่า 412 พันล้านดอลลาร์ รายงานข่าวดังกล่าวล้วนเป็นผลดีแก่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินดอลลาร์ได้รับแรงพยุงต่อไปอีก เมื่อตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนเพิ่ม 1.7% เป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังเข้มแข็ง ช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯสดใสต่อไป

เงินปอนด์อังกฤษ ฟื้นตัวจากเหตุการณ์ระเบิดกรุงลอนดอน หลังจากที่ตลาดเงินประเมินความเสียหายเบื้องต้นอยู่ในวงจำกัด ซึ่งไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก ทำให้นักค้าเงินหันไปสนใจปัจจัยด้านอื่นๆที่มีผลต่อค่าเงินปอนด์ ได้แก่ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายนเพิ่มแตะระดับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทางการ ทำให้คาดกันว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจต้องชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์กลับมีค่าอ่อนแรงลงเป็นลำดับในเวลาถัดมา เนื่องจากสถานการณ์ด้านตลาดแรงงานอึมครึม จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 รวมถึงรายได้เฉลี่ยของคนงานก็เพิ่มน้อยกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ผลการสำรวจภาคบริการในช่วงไตรมาสที่สองก็อยู่ในสถานะอ่อนแอ รวมถึงภาคการส่งออกด้วย ล้วนกดดันให้ค่าเงินปอนด์ทรุดลงในช่วงท้ายสัปดาห์

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ เคลื่อนไหวตามแรงอิทธิพลของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้ง โดยทองคำมีราคาสูงอยู่ในระดับเฉลี่ย 426 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงต้นสัปดาห์มาจากอานิสงส์ของค่าเงินดอลลาร์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่ในที่สุด ความเข้มแข็งของค่าเงินดอลลาร์ในเวลาต่อมา ก็ได้บั่นทอนให้ทองคำโน้มต่ำลงอยู่ในราคาเฉลี่ยราว 424 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงปลายสัปดาห์

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2548 เทียบกับวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2078 ดอลลาร์/ยูโร (1.2084 ดอลลาร์/ยูโร) 111.81 เยน (112.36 เยน) และ 1.7580 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.7569 ดอลลาร์/ปอนด์)
ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 เท่ากับ 426.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 424.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548