บิ๊กซี เผยผลประกอบการไตรมาสสองโตต่อเนื่อง มั่นใจยอดขายขยายตัวในเศรษฐกิจทุกรูปแบบ

กรุงเทพฯ – 15 สิงหาคม 2548: บิ๊กซี โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ยอดขายเพิ่มขึ้น 1,652 ล้านบาท จากสาขาเดิมและสาขาใหม่ แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ชี้เป็นผลจากการมุ่งเน้นการเป็นผู้นำด้านราคาและการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเข้าถึงผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ

นายอีฟ แบร์กนาร์ เบรบ๊อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2548 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 461.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ที่มีกำไรสุทธิ 431.2 ล้านบาท

“แม้ภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกจะชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายซื้อของ แต่บิ๊กซียังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นผลจากการตอบรับของกลุ่มลูกค้าต่อภาพพจน์ความเป็นผู้นำด้านราคาของบิ๊กซี และการขายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทั้งการจัดโปรโมชั่นประกันราคาสินค้า “ถูกสุดสุด” ที่ทุ่มไปในไตรมาสสองในการโฆษณาและสร้างภาพลักษณ์ด้านราคา ทำให้ลูกค้าตอบรับ รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ที่อ้อมใหญ่ ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์เต็มรูปแบบที่ช่วยขยายฐานลูกค้า ก็เป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย”

ทั้งนี้ บิ๊กซี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 15,244 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขาย 13,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2547 จำนวน 1,652 ล้านบาทหรือร้อยละ 13.7 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.8 และรายได้อื่น 1,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.4 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีจำนวน 2,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 225 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 11.1 ซึ่งสาเหตุของการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น

นายอีฟ กล่าวต่อไปว่า สำหรับครึ่งปีหลัง บิ๊กซีจะยังคงจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านราคาและการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายพิเศษตลอดทั้งปี โดยจะเน้นการเข้าถึงและครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในบิ๊กซี เพื่อการสร้างยอดขายและความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

“ในภาวะที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย การจัดโปรโมชั่นประกันราคาสินค้าเพื่อให้มั่นใจว่า บิ๊กซีจำหน่ายสินค้าในราคาถูกกว่าคู่แข่ง ตลอดจนการจำหน่ายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้ยี่ห้อ “ลีดเดอร์ไพรซ์” และ “เฟิร์สไพรซ์” เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่มีความคุ้มค่าและมีราคาที่สมเหตุสมผล จะเป็นการตอบสนองผู้บริโภคทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี”

นอกจากนี้ บิ๊กซี มีการขยายสาขาเพชรเกษมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จโดยมีชาวเพชรเกษมให้การตอบรับจำนวนมาก โดยในเดือนหน้า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ที่สุขาภิบาล 3 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเช่นเดียวกัน และจะทยอยเปิดสาขาที่เอกมัย และสกลนคร ในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ มีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 45 สาขาภายในสิ้นปี 2548

“จากผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บิ๊กซีมียอดขายที่เติบโตแม้ภาวะเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว สำหรับผลการดำเนินงานทั้งปีนี้ บริษัทจึงมีความมั่นใจว่า ยอดขายและรายได้จะมีการขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอีฟ กล่าวทิ้งท้าย

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC)

ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความคุ้มค่าในระดับสูงสุดแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 42 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th