“เจซิส” ผู้นำการเอาท์ซอร์สระดับโลกประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “เจนแพคท์”

นิวเดลี, อินเดีย–(บิสิเนส ไวร์)— นายปราโมด ภาสิน ประธานและซีอีโอของเจนแพคท์กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายรับต่อปีทะลุหลัก 1 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2550-2551 และจะมีพนักงาน 30,000 คนทั่วโลก

ลักษณะใหม่ขององค์กร

เมื่อบริษัทจีอีได้เปลี่ยนหน่วยจีอี แคปิตอล อินเตอร์เนชันแนล เซอร์วิสเซสในเครือให้กลายเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2547 จีอีก็ได้เริ่มค้นหาชื่อเพื่อสื่อถึงแนวคิดทางมรดกและคุณค่าของบริษัท

พนักงานและลูกค้าได้เสนอชื่อต่างๆมาหลายร้อยชื่อ และชื่อจากการระดมความคิดที่สะดุดความสนใจขึ้นมาก็คือ Genpact

“เราเลือกชื่อนี้เพราะเป็นชื่อที่สื่ออย่างเหมาะสมถึงคำมั่นสัญญา (brand promise) ของบริษัทเรา ทั้งการสร้างมูลค่า, พันธะสัญญา, การเป็นหุ้นส่วนและผล” นายปราโมด ภาสิน ประธานและซีอีโอของเจนแพคท์กล่าว

คำขวัญของบริษัทคือ พลังอำนาจของธุรกิจระดับโลก (Global Business Impact(SM)

“ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจทั่วโลกต้องการผลงาน” นายภาสินกล่าว “พวกเขาต้องการหุ้นส่วนที่สามารถเชื่อถือได้เพื่อทำงานร่วมกันและเพื่อปรับปรุงมาร์จิ้น, ผลประกอบการเงินสดและความเร็วในการออกสู่ตลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดผ่านความยอดเยี่ยมของกระบวนการ”

โลโก้ของเจนแพคท์ ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยอินเตอร์แบรนด์ รวมถึงสัญลักษณ์ในรูปแบบของลูกศรที่มีสไตล์เฉพาะตัวในพื้นที่สีฟ้า

“สัญลักษณ์ดังกล่าวสื่อถึงการเพิ่มศักยภาพ, การตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้นและแน่นอนรวมถึงพลังอำนาจในธุรกิจด้วย” นายภาสินกล่าว

มรดกของจีอี

นายภาสินได้ยกย่องบริษัทจีอีที่ตระหนักถึงศักยภาพของทรัพยากรบุคคลจำนวนมากที่มีการศึกษาและพูดภาษาอังกฤษได้ในอินเดีย และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรนั้น

“เราเป็นผู้บุกเบิก” เขากล่าวถึงการตั้งต้นของบริษัทในปี 2540 “แต่เรารู้ว่า มีศักยภาพอยู่มากมายมหาศาล”

แต่เดิม องค์กรนี้เป็นที่รู้จักจากชื่อย่อคือ “Gecis” มาเป็นเวลาหลายปี และเมื่อจีอีขยายธุรกิจ ฝ่ายปฏิบัติการด้าน outsourcing ก็ขยายตัวเช่นกัน โดยเพิ่มสำนักงานในไฮเดอราบัด, บังกาลอร์, ไจปูร์ และกัลกาตา รวมทั้งขยายธุรกิจเข้าไปในจีน, ยุโรปตะวันออกและเม็กซิโก นอกจากนี้ บริษัทกำลังพิจารณาการตั้งสำนักงานเพิ่มอีก 2 แห่งในอินเดีย, อีก 1 แห่งในจีนและสำนักงานที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักในยุโรปหรือแอฟริกาเหนือ

โครงสร้างใหม่…เซ็นสัญญาออเดอร์ใหม่มูลค่า 160 ล้านดอลลาร์แล้ว

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2547 จีอีได้ปล่อยให้เจซิสเติบโตด้วยตนเองด้วยการขายหุ้น 60 % ที่ถือในเจซิสให้แก่ 2 บริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการลงทุนในบริษัทที่อยู่บนพื้นฐานความรู้และใช้ประโยชน์จากไอที นั่นคือบริษัทเจเนอรัล แอตแลนติกและบริษัทโอ๊ค ฮิล แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส

ในช่วงปีที่ผ่านมา เจซิสได้ปฏิบัติตามสัญญาที่จะไม่ให้บริการแต่ธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร 35 ธุรกิจของจีอีเท่านั้น แต่จะให้บริการบริษัทใหม่ๆอีกมายมายด้วย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นมา เจนแพคท์ได้รับออเดอร์คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์จากลูกค้าใหม่มากกว่า 12 ราย ซึ่งนายภาสินกล่าวว่า ลูกค้าใหม่ของเจนแพคท์เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จากอุตสาหกรรมต่างๆเช่นการขนส่งทางเครื่องบิน, การผลิตรถยนต์, ธนาคาร, ประกัน, เวชภัณฑ์และความบันเทิง

“เราเชื่อมั่นว่า วิธีการบุกเบิกของเราและพื้นฐานของจีอีที่ประกอบด้วยความซื่อสัตย์และความใส่ใจในแนวทาง Six Sigma เป็นส่วนผสมที่ชนะเลิศในตลาด” นายภาสินกล่าว พร้อมเสริมว่า ปัจจุบัน เจนแพคท์มีลูกค้าที่ติดทำเนียบโกลบอล ฟอร์จูน 500 อยู่ 20 ราย นอกเหนือไปจากจีอี ในธุรกิจ 6 ประเภทด้วยกันคือธนาคารและการเงิน, ประกัน, การผลิต, การขนส่ง, รถยนต์และบริการทางธุรกิจ

การเติบโตในปี 2548

นอกจากเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่แล้ว ในปีนี้ เจนแพคท์ยังได้ขยายธุรกิจออกไปในวิธีการอื่นๆดังนี้
– เปิดศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ในกอลกาตา ประเทศอินเดีย และบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
– ซื้อกิจการเครดิเทค (Creditek) ซึ่งเป็นบริษัทด้านบริการชำระเงิน order-to-cash และ receivables ระดับชั้นนำในสหรัฐ และ
– เซ็นสัญญาการเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงผู้เดียวกับบริษัทลิเบอเรตา (Liberata) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการรับจ้างงานด้านกระบวนการทางธุรกิจ (business process outsourcing) ระดับชั้นนำของอังกฤษที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในตลาดประกันชีวิตและกองทุนบำเหน็จบำนาญ

เส้นทางในอนาคต

ขณะที่จีอี ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก จะยังคงเป็นลูกค้ารายสำคัญสำหรับเจนแพคท์ต่อไปนั้น นายภาสินก็คาดว่า จำนวนและขนาดของลูกค้าระดับบลูชิพรายอื่นๆจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจนแพคท์จะเป็นที่น่าสนใจสำหรับองค์กรธุรกิจระดับโลกที่กำลังแสวงหาความเป็นเลิศในกระบวนการ

“เรามีพันธะสัญญาอย่างแน่นอนต่อการให้บริการสินค้าและบริการระดับยอดเยี่ยมที่สุด และเราจะสร้างสรรสิ่งใหม่ๆต่อไปเพื่อรับรองว่าเราจะทำตามสัญญานั้น” นายภาสินกล่าว

นวัตกรรมส่วนใหญ่กำลังเกิดขึ้นในระดับสูงสุดของกลุ่มธุรกิจของบริษัทซึ่งประกอบด้วย
— การเงินและการธนาคาร
— การวิเคราะห์การขายและการตลาด
— บริการลูกค้า
— การรวบรวมและการปฏิบัติงานด้านบริการทางการเงิน
— บริการห่วงโซ่อุปทานและการจัดซื้อ
— บริการหลังการขาย
— บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ และ
— บริการแอพพลิเคชั่นในองค์กรและการบริหารจัดการโครงการ

นายภาสินได้ขอบคุณพนักงาน, ลูกค้าและผู้ถือหุ้นของบริษัทอันได้แก่ จีอี, เจเนอรัล แอตแลนติกและโอ๊ค ฮิลล์

“พวกคุณได้ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปได้ เป็นการเดินทางที่ได้ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนหลายพันคนและครอบครัวของพวกเขาใน 6 ทวีป” นายภาสินกล่าว “แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ผมอยากจะขอบคุณพนักงานของเรา เพราะพรสวรรค์และกำลังใจเราทำได้ของพนักงาน 19,000 คนของพวกเราที่ทำให้พวกเราได้รับคำสัญญาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตในอีกหลายๆปีต่อไป

ความเป็นมา

เจนแพคท์เป็นผู้ผลักดันการปรับปรุงกระบวนการเพื่อช่วยองค์กรธุรกิจทั่วโลกในการปรับปรุงรายรับ, มาร์จิ้น, ความเร็วและความสัมพันธ์กับลูกค้า ปัจจุบัน เจนแพคท์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างจีอีและบริษัทเจเนอรัล แอตแลนติกและโอ๊ค ฮิลล์ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส มีพนักงานที่มีความชำนิชำนาญสูง 19,000 คนซึ่งมีความชำนาญเฉพาะตามอุตสาหกรรม (การธนาคาร/การเงิน, ประกัน, การผลิต, การขนส่ง, รถยนต์และบริการทางธุรกิจ) และตามกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการ (การเงินและการบัญชี, การวิเคราะห์การขายและการตลาด, บริการลูกค้า, การรวบรวมและปฏิบัติการบริการทางการเงิน, บริการห่วงโซ่อุปทานและการจัดซื้อ, บริการหลังการขาย, บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการแอพพลิเคชั่นในองค์กรและการบริหารจัดการโครงการ) ด้วยเครือข่ายการขายตรงที่กระจายอยู่ในยุโรป, อเมริกาเหนือและเอเชีย เจนแพคท์มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใกล้นิว เดลีในกูร์กาออน ประเทศอินเดีย และมีศูนย์ปฏิบัติอยู่ทั่วอินเดียรวมทั้งในจีน ฮังการี โรมาเนีย สหรัฐและเม็กซิโก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.genpact.com