ดอลลาร์ท่าดี ทีเหลว … แพ้พลังซื้อยูโร

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยซื้อขายอยู่ในช่วง 1.19 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงต้นสัปดาห์ และมีค่าพุ่งแตะระดับ 114 เยน/ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน เป็นผลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนให้ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อรุนแรง อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์มีค่าลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่นักลงทุนหันกลับไปซื้อเงินยูโรเป็นจำนวนมากอีกครั้ง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ทรุดลงอยู่ในอัตราเฉลี่ยราว 1.21 ดอลลาร์/ยูโร และ 113 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษ เพราะจะเป็นสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% เท่าเดิม สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ได้รับผลดีจากแรงซื้อจำนวนมากของกองทุนต่างๆ และปริมาณความต้องการซื้อทองคำจากตลาดอินเดียและตะวันออกกลาง

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเข้มแข็งในตอนต้นสัปดาห์ ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุน ได้แก่
• ตัวเลขเศรษฐกิจสดใส ดัชนีการผลิตของโรงงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 59.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 53.6 ขณะเดียวกัน ดัชนีด้านราคาของภาคการผลิตก็พุ่งถึง 78.0 จากระดับ 62.5 ในเดือนก่อน ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อและคาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะเพิ่มขึ้นต่อไป การที่ดัชนีการผลิตโน้มสูงขึ้น เป็นผลจากผู้ประกอบการเร่งปรับตัวกลับสู่ภาวะการผลิตอีกครั้ง หลังจากพายุเฮอริเคน Katrina ทำความเสียหายในรัฐต่างๆของสหรัฐฯ และทางการได้เริ่มฟื้นฟูพื้นที่และให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

• ท่าทีธนาคารกลางสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯจากหลายรัฐ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคล้ายคลึงกันนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และล่าสุดประธานธนาคารกลางของรัฐแอตแลนต้า ฟิลาเดลเฟีย รวมถึงเมืองดัลลัส ระบุชัดเจนว่าธนาคารกลางให้ความสำคัญกับประเด็นเงินเฟ้อเป็นอันดับแรก และจะต้องใช้มาตรการป้องกันปัญหาล่วงหน้า ดังนั้น จึงคาดกันว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต

• กังวลเศรษฐกิจญี่ปุ่น เงินดอลลาร์มีค่าสูงเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากรายงานเศรษฐกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งได้จากการสำรวจความเชื่อมั่นของบริษัทญี่ปุ่นพบว่าไตรมาสที่ 3 บรรดาธุรกิจต่างๆมีความมั่นใจอยู่ที่ระดับ 19 ต่ำลงจากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 20

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนไหวในช่วงกลางสัปดาห์ หลังจากที่ดัชนีภาคบริการเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ปรากฏว่าลดลงอยู่ที่ 53.3 จากระดับ 65.0 ในเดือนสิงหาคม รายงานดังกล่าวหวั่นไหวค่าเงินอเมริกัน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯราว 80% ขึ้นอยู่กับภาคบริการเป็นสำคัญ

เงินดอลลาร์มีค่าทรุดต่ำลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เมื่อนักลงทุนหันมาซื้อเงินยูโรเป็นจำนวนมาก เพราะสถานการณ์ทางการเมืองในเยอรมันมีวี่แววแจ่มใสขึ้น และคาดว่าน่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเร็วๆนี้ ประกอบกับภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศกลุ่มยุโรปก็ขยายตัวดีขึ้นในระยะนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วๆไปของยุโรปน่าจะกระเตื้องบ้างแล้ว โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเดือนกันยายนพุ่งสูงสุดในรอบ 8 เดือน ก็มีส่วนช่วยหนุนเงินยูโรเช่นกัน ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผลักดันให้ค่าเงินยูโรแข็งช่วงท้ายสัปดาห์ ได้แก่ ข่าวที่ว่าธนาคารกลางของประเทศเวเนซูเอล่าอาจเพิ่มสัดส่วนเงินทุนสำรองของประเทศเป็นสกุลเงินยูโร เงินหยวน และเงินเยน มากขึ้น ในขณะที่อาจลดเงินดอลลาร์ลง

เงินปอนด์อังกฤษ ค่อนข้างซวนเซในตอนต้นสัปดาห์ เป็นผลจากตัวเลขราคาบ้านพักอาศัยในเขตอังกฤษและเวลส์ลดต่ำลง ทำให้เกรงกันว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์มีค่าฟื้นตัวเป็นลำดับ เนื่องจากตัวเลขด้านอุตสาหกรรมการผลิตเดือนกันยายนเข้มแข็ง ช่วยบรรเทาความหวั่นวิตกเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อีกทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของแบงก์ชาติอังกฤษได้มีมติให้รักษาอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมไปก่อน ช่วยให้ตลาดเงินชะลอการขายเงินสเตอร์ลิงในช่วงปลายสัปดาห์

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ยังคงอยู่ในเกณฑ์สดใส มีช่วงซื้อขายอยู่ในราคาเฉลี่ย 464-472 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำ ได้แก่ ปริมาณความต้องการซื้อจากบรรดากองทุนต่างๆ รวมถึงปริมาณความต้องการซื้อจากผู้บริโภคในอินเดียและตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นฤดูเทศกาลมงคลที่มีการใช้ทองคำเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ วิกฤตการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคต่างๆ อาทิ ระเบิดในบาหลีรอบที่ 2 ฯลฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ล้วนมีส่วนผลักดันให้ราคาทองคำโน้มสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำโลก ค่อนข้างผันผวนได้อย่างรวดเร็ว และยังเคลื่อนไหวสวนทิศทางกับเงินดอลลาร์ด้วย ดังนั้น หากค่าเงินดอลลาร์มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยตรงด้วย

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2548 เทียบกับวันที่ 6 ตุลาคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร (1.2183 ดอลลาร์/ยูโร) 114.20 เยน (113.25 เยน) และ 1.7552 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.7790 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2548 เท่ากับ 466.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 472.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2548