ต้นพาสเทลเคยเป็นเพียงพืชในตำนานที่ผู้คนหลงลืมกันไปนานหลายศตวรรษ ปัจจุบัน ได้มีการปลูกพืชชนิดนี้ขึ้น อีกครั้งในเขตภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสที่แคว้นเปอีด็อคใกล้กับเทือกเขาพีเรนีส โดยใช้ภูมิปัญญาการผลิตแบบ ดั้งเดิม ทั้งนี้ บริษัท Cocagne et Compagnie (โกกาญ เอ กงปาญนี) เมืองตูลูส เป็นบริษัทแรกที่เป็นผู้คิดค้นนำสารสกัดธรรมชาติจากพาสเทลมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เพื่อความงาม โดยใช้ชื่อ ผลิตภัณฑ์ว่า ‘Graine de pastel’
พาสเทล หรือโวด (woad ในภาษาอังกฤษ ชื่อภาษาละติน คือ Isatis tinctoria) เป็นพันธุ์ไม้ ดอกสีเหลืองในกลุ่ม Cruciferae ซึ่งแต่ละดอกจะมีสี่กลีบ พันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยกรีก-โรมันว่ามีคุณสมบัติการให้สีย้อมที่คุณภาพดีมาก ใบของพืชชนิดนี้ให้สารสกัดสีฟ้าที่มีลักษณะพิเศษ เฉพาะ เนื่องจากมีเม็ดสีอินดิโกตินหรือสารให้สีครามอยู่ในนั้น สีที่สกัดได้จากใบพาสเทลจะมีความเข้มข้น มากกว่าสีที่สกัดได้จากต้นครามของเอเชีย ชื่อพาสเทลเป็นคำใน ภาษาฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นคำที่มีนัยยะ หมายถึงสีที่อ่อนหวาน ในยุคเรอเนสซองส์ พาสเทลได้ชื่อว่าเป็น ”ทองคำสีฟ้า” ของฝรั่งเศส เนื่องจากเป็น พืชเศรษฐกิจที่ฝรั่งเศสส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป นำความมั่งคั่งสู่ภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศ อันได้แก่ เมืองตูลูส อัลบี และการ์กาสซอนน์
นอกจากคุณสมบัติด้านสีซึ่งสามารถนำมาทำเป็นสีย้อมและสีวาดเขียนแล้ว พาสเทลยังเป็น พืชที่ให้สรรพคุณในการรักษาด้านผิวหนังมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งฮิปโปเครตัสแพทย์ในสมัยกรีกเองก็เคยบันทึกถึงคุณสมบัติดังกล่าวของพืชชนิดนี้ ในสมัยยุคกลางของยุโรป ใบพาสเทลถูกนำไปใช้พอกสมานแผล และพบว่ามีการนำพาสเทลไปใช้ประโยชน์ ในทางยาต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 18 หลังจากนั้นการใช้ประโยชน์จากพืชชนิดนี้ก็น้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากได้มีการนำเข้าครามจากทวีปเอเชียเพื่อใช้ผลิตสีย้อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และต่อมาก็มีการผลิตครามสังเคราะห์ขึ้นแทนที่ บทบาทของพาสเทลจึงค่อยๆ ลดน้อยลงไป จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบว่าในเมล็ดพาสเทลมีน้ำมันที่อุดมไปด้วย กรดไขมันที่จำเป็น (Essential Fatty Acids หรือ EFA) มากถึง 40% กรดไขมันดังกล่าวเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์เนื้อเยื่อ โดยทำหน้าที่ช่วยปรับความสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิว
Graine de pastel เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่ผสมสารสกัดธรรมชาติจากน้ำมันเมล็ดพาสเทลที่ปลูกด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ โดยจะใช้น้ำมันที่ได้จากกระบวนการบีบเย็นครั้งแรกเนื่องจากประกอบไปด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดคิดค้นสูตรโดยกลุ่มเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ และผ่าน การทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าไม่ก่อให้ เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา Graine de pastel ใช้โลโก้รูปดอกพาสเทลสีฟ้าง่ายต่อการจดจำ ผลิตภัณฑ์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับ กลุ่มลูกค้าสตรีผู้ปรารถนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีแบบฉบับเฉพาะและผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างภูมิปัญญาจากรุ่นบรรพบุรุษ ความทันสมัย และความปลอดภัย
เครื่องสำอาง Graine de pastel มีหลายเฉดสี ตั้งแต่สีฟ้าน้ำนมเรื่อยไปจนถึงสีฟ้าคราม ซึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นสีที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติจากใบพาสเทล ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีสิบรายการด้วยกัน ซึ่งทุก ผลิตภัณฑ์ล้วนมีคุณสมบัติที่อ่อนละไม และให้สัมผัสที่นุ่มลื่น อาทิ สบู่ก้อนขนาดใหญ่ (สี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ขนาด 125 และ 400 กรัม) , มูสถนอมมือ, ครีมอาบน้ำเนื้อซิลกี้, บาธออยล์, ลิควิดมิ้ลค์ และดรายออยล์ สำหรับผิวกาย, แชมพูชนิดอ่อนละมุน, ครีมบำรุงผิวกายใน กระปุกแก้วรูป ทรงน่ารัก นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทกิฟท์เซ็ทที่จัดอย่างสวยงามในกล่องดีบุกเน้นเสน่ห์ความงามแบบโบราณ และมีชื่อ ของพ่อค้าพาสเทลผู้มีชื่อเสียงในสมัยเรอเนสซองส์ ส่วน “Damier Virebent “ เป็นชุดสบู่ที่ระลึก มีทั้งหมด 6 ก้อนบรรจุในกล่องกระเบื้องพอร์ซเลนบิสกิตสีขาว นอกจากนี้ Graine de pastel ยังรับผลิตสบู่ขนาดเล็ก สำหรับโรงแรมอีกด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับ Cocagne & Compagnie SARL
บริษัทฝรั่งเศสแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยนาตาลี แฌว็ง (Nathalie Juin) ซึ่งจบปริญญาด้านเภสัชศาสตร์ และเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อป้อนสู่อุตสาหกรรมความงามและอุตสาหกรรมยา หุ้นส่วนอีกคนคือ กาโรล การ์เซีย-อุค (Carole Garcia-Huc) จบปริญญาด้านธุรกิจ เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม ทั้งคู่เป็นชาวตูลูสและมีความผูกพันกับพาสเทลมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก เนื่องจากพืชดังกล่าวเป็นพืชเก่าแก่คู่แคว้นเปอีด็อค บริษัท Cocagne & Compagnie SARL แม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่ก็ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลประจำปี 2546 จากสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการสร้างสรรค์แห่งเขตมีดีพีเรนีส
ทั้งนี้ บริษัท Cocagne & Compagnie SARL แห่งประเทศฝรั่งเศสมีความประสงค์จะหาตัวแทน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Graine de pastel ในเมืองไทย