เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ เคาะขายราคา 7 บาท ไอพีโอ 23 ล้านหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่

บมจ. เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ ตั้งราคาขาย 7 บาท ไอพีโอ 23 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท ชูจุดเด่นความน่าเชื่อถือ และเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ กำหนดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย. 48 – 1 ธ.ค.48 โดยแต่งตั้ง บล.ซีมิโก้ เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น และคาดจะเข้าเทรดได้ 14 ธ.ค. ศกนี้

ดร.วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) (ACAP) บริษัทฯ ผู้ให้บริการงานที่ปรึกษาทางการเงินและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป(ไอพีโอ) จำนวน 23 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7 บาท ราคาพาร์ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 23 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งภายหลังการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 77 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสต์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้ระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2548 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 โดยมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ทั้งหมด 6 ราย ได้แก่บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ได้ในวันที่ 14 ธันวาคม 2548

“เงินที่ได้รับจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้รวมมูลค่า 161 ล้านบาท จะจัดสรรเพื่อใช้คืนเงินกู้ยืม 20 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนสำหรับวางค้ำประกันศาลสำหรับธุรกิจในการให้บริการเป็นผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ 5 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนอื่นๆ ทั่วไป รวมทั้งเพื่อใช้ในการประมูลงานหาลูกค้า 76 ล้านบาท และเป็นเงินลงทุนในสินทรัพย์เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต 60 ล้านบาท“ดร.วิวัฒน์ กล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 สายงานหลัก ธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจ และธุรกิจให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยในระยะแรกของการจัดตั้งบริษัทฯ ได้รุกเข้าไปในตลาดบริการที่ปรึกษาทางการเงินด้านปรับโครงสร้างหนี้อย่างจริงจังประมาณปี 2543-2544 และเมื่อปี 2547 บริษัทฯ ได้ขยายบริการเข้าสู่การให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จากการได้รับคัดเลือกด้วยวิธีการประมูลตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง จากบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ให้บริหารหนี้ด้อยคุณภาพมีมูลค่ายอดหนี้คงค้างกว่า 33,000 ล้านบาท

ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า ด้วยความประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจ และความน่าเชื่อถือที่บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการล่าสุด ณ ไตรมาส 3/2548 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9 เดือน จำนวน 32 ล้านบาท รายได้รวม 198 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงสร้างรายได้จากธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจร้อยละ 35 และธุรกิจให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพร้อยละ 65 มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(ดีอี)เพียง 0.5 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2547 มีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท รายได้รวม 117 ล้านบาท และในปี 2546 มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท มีรายได้รวม 75 ล้านบาท ตามลำดับ

บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ โดยภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป ตระกูลวิฑูรย์เธียร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 60.84 จากเดิมที่มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 79.01 และกลุ่มเจแปน เอเชีย อินเวสต์เม้นท์ เหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 7 จากเดิมที่มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 9.09

ด้านนายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจำหน่ายหุ้น ACAP กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาจากการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพแล้ว จะเห็นว่า ACAP เป็นบริษัทที่ให้บริการทางด้านการเงินที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากที่ปรึกษาทางการเงินรายอื่นๆ โดยเฉพาะในส่วนของการให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพนั้น ACAP เริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2548 โดยในส่วนของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่ง ACAP คาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ACAP ยังมีโอกาสที่จะขยายการให้บริการในส่วนนี้เพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคตจากการให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้กับสถาบันการเงินรายอื่นๆ

สำหรับในส่วนของการกำหนดราคาเสนอขายที่ 7 บาทต่อหุ้นนั้น อ้างอิงจากผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 4 ของปี 2547 ควบคู่กับผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2548 นี้ แต่ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการที่ผ่านมา จะพบว่า ACAP มีผลประกอบการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึง รายได้ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพนั้น ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาตลอดและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับจากไตรมาสที่ 1 ปี 2548 เป็นต้นมา

อนึ่ง บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 โดย ดร.วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจการเงิน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหารของบริษัทฯ เพื่อดำเนินธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจ และธุรกิจให้บริการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีบริษัทย่อยทั้งสิ้น 2 บริษัท ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ได้แก่

1).บริษัท เอเชี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล แพลนเนอร์ส จำกัด (AIP) ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้จัดทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ภายใต้กระบวนการของกฎหมายล้มละลาย เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการให้เกิดความชัดเจนในการแยกความเสี่ยงของธุรกรรมส่วนนี้ออกจากบริษัทฯ AIP ได้รับการอนุมัติจากสำนักฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ กรมบังคับคดี ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ภายใต้กฎหมายกระทรวงยุติธรรม

2).บริษัท เอแคป เซอร์วิสเซส จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ลงทุนในทรัพย์สินและระบบเพื่อให้บริษัทฯ เป็นผู้เช่าทรัพย์สินเพื่อใช้รองรับการบริหารงานสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัท