25 พฤศจิกายน 2548 – นายสถาพร กวิตานนท์ ประธานคณะกรรมการนักธุรกิจฝ่ายไทย แถลงถึงผลการประชุมนักธุรกิจชั้นนำจากญี่ปุ่นและอาเซียน (ASEAN-Japan Business Meeting – AJBM) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ว่านักธุรกิจญี่ปุ่นและนักธุรกิจอาเซียนมีความเห็นร่วมกันว่า จะต้องขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสร้างความร่วมมือในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับอาเซียน และจะขยายไปยังเอเชียตะวันออก ซึ่งรวมถึงจีนและเกาหลีด้วย ทั้งนี้ การขายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคตจะมีส่วนช่วยเชื่อมโยงกับประเทศที่สำคัญอื่นๆ ในโลก เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ด้วย
นายสถาพรกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นักธุรกิจญี่ปุ่นมีความพร้อมที่จะลงทุนรอบใหม่ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมบริการและโครงการสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่าง ๆ อีกทั้งนักธุรกิจญี่ปุ่นยังเห็นว่า ที่ผ่านมาแม้ญี่ปุ่นได้ไปลงทุนในจีนจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบมูลค่าการลงทุนกันแล้ว การลงทุนของญี่ปุ่นในอาเซียนมีมากกว่าการลงทุนของญี่ปุ่นในจีนถึง 4 เท่าตัว ประกอบกับเศรษฐกิจ ของกลุ่มประเทศอาเซียนในวันนี้ขยายตัวสูงขึ้นมาก จึงทำให้อาเซียนมีความพร้อมในการเป็นแหล่งลงทุนระลอกใหม่จากญี่ปุ่น
สำหรับการลงทุนระลอกใหม่จากญี่ปุ่น นักธุรกิจญี่ปุ่นจะไม่มองเพียงแค่เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่แต่ละประเทศในอาเซียนจะใช้ดึงดูดการลงทุน แต่นักธุรกิจญี่ปุ่นจะคำนึงถึงปัจจัยสำคัญอันประกอบด้วย ความพร้อมของตลาดเงิน ตลาดทุน และการมีธรรมาภิบาลที่ดีในการประกอบกิจการ ตลอดจนความชัดเจน / โปร่งใส ของข้อมูลธุรกิจ การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
ในการประชุมธุรกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน โดยมีบุคคลสำคัญมาร่วมให้ความเห็นโดยกล่าวสุนทรพจน์อีกหลายท่าน เช่น ฯพณฯ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, อตีตนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน, อดีตนายกรัฐมนตรีของฟิลิปปินส์ ดร.ซีซาร์ วิราต้า, ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ, ประธานกลุ่มมิตซุย นายโชอิ อุตสุดะ, ประธานกลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่น นายคาคูทาโร่ คิตาชิโร, รองประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ นายสถาพร กวิตานนท์ และอตีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี