ราคาทองคำพุ่งต้อนรับปีใหม่ 2549

ราคาทองคำในตลาดทองไทยทำสถิติสูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แตะระดับ 9,750 บาท/บาทในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2548 นับเป็นราคาทองคำแพงขึ้น 21% ในรอบปีนี้ เมื่อเทียบกับราคาทองคำเฉลี่ยประมาณ 8,000 บาท/บาทในช่วงต้นปี 2548 ทองคำไทยมีราคาทะลุระดับ 9,000 บาท/บาทเป็นครั้งแรกเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา และขยับสูงขึ้นรวดเร็วในช่วงนี้ตามทิศทางของราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นในช่วงสั้นๆ แตะระดับ 502 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ในระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งเป็นราคาทองคำตลาดโลกสูงสุดในรอบ 18 ปี

คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกและอาจพุ่งขึ้นถึงระดับ 525 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาสแรก 2549 จะส่งผลให้ทองคำของไทยมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย โดยอาจจะทะลุระดับ 10,000 บาท/บาท ซึ่งจะเป็นสถิติราคาทองคำสูงสุดระดับใหม่ของไทย

ทองคำที่ซื้อขายในตลาดทองของไทยมีราคาเคลื่อนไหวตามราคาทองคำต่างประเทศ เนื่องจากการค้าทองคำของไทยเป็นทองคำที่นำเข้าจากต่างประเทศ การกำหนดราคาทองคำไทย จึงขึ้นอยู่กับราคาทองคำในต่างประเทศเป็นหลัก ประกอบกับเงินบาทของไทยมีค่าอ่อนตัวลงในช่วงนี้ อยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 41.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบอัตราแลกเปลี่ยน 39.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯตอนต้นปี คิดเป็นเงินบาทอ่อนตัวลงประมาณ 5.8% ทำให้การคิดคำนวณราคาทองคำของไทยในรูปเงินบาท มีปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การที่เงินบาทมีค่าอ่อนตัวลง มีส่วนทำให้ราคาทองคำที่ซื้อขายกันในประเทศไทยแพงขึ้น

ราคาทองคำไทย VS ราคาทองคำต่างประเทศ
วันที่ ราคาทองคำไทย ราคาทองคำต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
(บาท/บาท) % ?* (US$/ออนซ์) % ?* (บาท/US$) % ?*
4 ม.ค. 48 8,050 – 426.60 – 39.05 –
30 มิ.ย. 48 8,550 6.2 439.00 2.9 41.41 6.0
20 ก.ย. 48 9,150 13.7 466.30 9.3 41.18 5.4
18 พ.ย. 48 9,400 16.8 487.70 14.3 41.28 5.7
22 พ.ย. 48 9,550 18.6 492.10 15.4 41.32 5.8
25 พ.ย. 48 9,600 19.2 496.40 16.4 41.31 5.8
29 พ.ย. 48 9,750 21.1 498.30 16.8 41.33 5.8
หมายเหตุ : * % ? เปรียบเทียบกับวันที่ 4 ม.ค. 48

ปัจจัยผลักดันราคาทองคำโลก

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดทองไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรก 2548 ราคาทองคำของไทยซื้อขายอยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 8,000 บาท/บาท ซึ่งสอดคล้องกับทองคำต่างประเทศที่เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 425-430 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ในช่วงเดียวกัน สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทองคำในตลาดต่างประเทศมีราคาขยับขึ้นเป็นลำดับ ทะลุระดับ 450 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2548 ส่งผลให้ราคาทองคำของไทยสูงกว่า 9,000 บาท/บาทนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมีราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ ระดับ 9,750 บาท/บาทเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 ขณะที่ราคาทองคำต่างประเทศมีแนวโน้มผ่านแนวต้าน 500 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงปลายปีนี้

ปัจจัยผลักดันราคาทองคำต่างประเทศให้แพงขึ้นรวดเร็ว สรุปได้ดังนี้

? กองทุนต่างชาติเล่นซื้อทอง
ทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่า ซึ่งถือเป็นหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทหนึ่ง ขณะนี้ความต้องการซื้อทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก สาเหตุประการหนึ่งเนื่องมาจากกองทุนป้องกันความเสี่ยงและกองทุนเก็งกำไรต่างๆ เข้าไปกว้านซื้อทองคำจำนวนมากในตลาดต่างประเทศ กองทุนดังกล่าวมีเงินกำไรมหาศาลจากการเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงนำเงินกำไรส่วนหนึ่งไปลงทุนซื้อทองคำ ทำให้ความต้องการซื้อทองคำในตลาดโลกสูงมาก ผลักดันในราคาทองคำแพงขึ้นรวดเร็ว แรงซื้อทองคำของกองทุนเหล่านั้น เป็นการเพิ่มกำลังซื้อในตลาดทองต่างประเทศอย่างฉับพลันในช่วงนี้

? เศรษฐกิจอินเดียสดใส พลังซื้อทองเพิ่ม
อินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำมากที่สุดในโลก คาดว่าการนำเข้าทองคำของอินเดียจะเพิ่มขึ้น 33% เป็นจำนวน 850 ตันในปี 2548 เนื่องจากชาวอินเดียส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการที่ภาคการเกษตรของอินเดียแจ่มใสในปีนี้ ทำให้ความต้องการซื้อทองของชาวอินเดียสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปี ความต้องการซื้อทองคำของชาวอินเดียมีแนวโน้มสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ อาทิ เทศกาล Diwali ของชาวฮินดู ชาวอินเดียนิยมซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำเป็นของขวัญในช่วงที่มีพิธีกรรมทางศาสนา

เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มแจ่มใสในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวประมาณ 7.0-7.5% ในปี 2548 เทียบกับอัตราเติบโต 6.9% ในปี 2547 เพราะได้รับแรงเกื้อหนุนจากการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่ให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากลมมรสุมที่พัดเข้าสู่อินเดียทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ทั้งนี้ ชาวอินเดียประมาณ 600 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของประชากรทั้งประเทศ พึ่งพาภาคเกษตรเป็นหลัก ทำให้เกษตรกรชาวอินเดียมีกำลังซื้อเพิ่มพูนขึ้น นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นอินเดียขยายตัวรวดเร็วในปีนี้ โดยดัชนีราคาหุ้นของอินเดียพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนตุลาคม 2548 มีส่วนกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและนักลงทุนทั่วไปในอินเดีย ซึ่งรวมถึงการซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำในช่วงปลายปีนี้

? หวั่นเงินเฟ้อ หวนซื้อทองคำ
ปัจจัยประการหนึ่งที่เกื้อหนุนราคาทองคำในตลาดโลกให้มีพื้นฐานเข้มแข็งในปีนี้ ก็คือ ความต้องการซื้อทองคำเพื่อเป็นหลักประกันเงินเฟ้อ เนื่องจากวิกฤตราคาน้ำมันแพงที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2547 จนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้ความต้องการซื้อทองคำในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะหวั่นเกรงเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อาจปะทุขึ้น ส่งผลให้บทบาทของทองคำโดดเด่นขึ้นอีกครั้งในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่า

นอกจากนี้ สถานการณ์ไม่สงบทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง ตลอดจนการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ต่างๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ฯลฯ มีส่วนทำให้ความต้องการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์มีค่า ซึ่งเป็นที่เชื่อถือกันทั่วโลก

? ธนาคารกลางชาติต่างๆ เพิ่มทองคำสำรอง
กระแสการซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลางหลายชาติ เช่น รัสเซีย อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ จีน เป็นต้น ช่วยเพิ่มความต้องการซื้อทองคำในตลาดทองต่างประเทศอีกแรงหนึ่งในช่วงปลายปีนี้ ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางดังกล่าวที่ต้องการเข้าซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นทองคำสำรองของประเทศ มีส่วนชดเชยกับการที่ธนาคารกลางชาติยุโรปได้ทยอยนำทองคำสำรองออกขายในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีแนวโน้มธนาคารกลางของประเทศเอเชียอาจจะเพิ่มสัดส่วนการถือทองคำสำรองเช่นกัน เพื่อบรรเทาความเสี่ยงในกรณีที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านๆ มา ธนาคารกลางส่วนใหญ่นิยมถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การที่ธนาคารกลางหลายชาติต้องการถือทองคำในฐานะทุนสำรองของประเทศมากขึ้น จะช่วยปรับสัดส่วนทุนสำรองของประเทศ มิให้พึ่งพิงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากเกินไป

? ปริมาณการผลิตทองคำโลกลด
ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตทองคำสำคัญของโลก ได้แก่ แอฟริกาใต้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณผลผลิตทองคำของแอฟริกาใต้ลดลง 13.9% เหลือจำนวน 222.2 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 เนื่องจากเหมืองทองหลายแห่งของแอฟริกาใต้เริ่มขาดแคลนแร่ทองคำ ทำให้ต้องขุดเจาะลึกลงไปใต้พื้นดินมากขึ้น เพื่อสำรวจสายแร่ทองคำใหม่ๆ

การผลิตทองคำของแอฟริกาใต้ลดน้อยลงตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันปริมาณทองคำที่แอฟริกาใต้ผลิตได้ลดลงราว 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับในช่วง 10 ปีก่อน สาเหตุอีกประการหนึ่ง ก็คือ บริษัทผลิตทองคำหลายแห่งของแอฟริกาใต้จำเป็นต้องปิดกิจการลงหรือลดปริมาณการผลิตทองคำในช่วงระหว่างปี 2544-2547 เนื่องจากรายได้ของบริษัทเหมืองทองคำของแอฟริกาใต้ถดถอยลง สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงนั้นเงิน Rand ของแอฟริกาใต้ มีค่าแข็งขึ้น ทำให้รายได้จากการส่งออกทองคำของแอฟริกาใต้เมื่อคิดคำนวณในรูปเงิน Rand มีมูลค่าน้อยลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ค่าเงิน Rand เริ่มอ่อนตัวลง ประกอบกับทองคำมีราคาแพงที่สุดในรอบ 18 ปี น่าจะช่วยให้สถานการณ์ของบริษัทผลิตทองคำของแอฟริกาใต้กระเตื้องดีขึ้น สามารถฟื้นฟูการผลิตทองคำออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น

ผลกระทบตลาดทองไทย

ราคาทองคำของไทยที่แพงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน อยู่ในระดับใกล้เคียง 10,000 บาท/บาทในช่วงนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดทองไทย สรุปได้ดังนี้

? ทองแพง แรงซื้อลด ขายคืนเพิ่ม
การที่ทองคำในตลาดทองไทยมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาทองคำต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อขายทองคำของประชาชนทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

? กลุ่มแรก : ชะลอซื้อ
ประชาชนส่วนใหญ่มักจะชะลอการซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำในช่วงราคาทองคำขาขึ้น เพราะต้องการรอดูทิศทางราคาทองคำให้ชัดเจนก่อน จึงจะตัดสินใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่

? กลุ่มสอง : เร่งซื้อ
ประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก ยังคงต้องการซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำในช่วงนี้ เพราะเกรงว่าราคาทองคำจะแพงขึ้นอีก จึงตัดสินใจซื้อทองคำทันที นอกจากนี้ ประชาชนบางกลุ่มก็มีความจำเป็นต้องซื้อทองคำ สำหรับใช้ในงานมงคลต่างๆ และใช้เป็นของขวัญของกำนัลในช่วงเทศกาลปีใหม่ แม้ว่าทองคำมีราคาแพงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องยอมควักกระเป๋าซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำในช่วงทองแพง

อย่างไรก็ตาม บรรดาบริษัทห้างร้านที่ใช้ทองคำจัดทำเป็นของขวัญ-ของกำนัล เพื่อมอบให้แก่พนักงานดีเด่นและลูกค้าเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ คาดว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะการจัดทำของชำร่วยต่างๆ ต้องสั่งซื้อและจัดทำไว้ล่วงหน้าแล้ว

? กลุ่มสาม : ขายคืน
การที่ทองคำมีราคาแพงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ทำให้ประชาชนบางกลุ่มนำทองคำและเครื่องประดับทองคำที่เป็นสมบัติเก็บออมไว้ก่อนหน้านี้ ไปขายคืนแก่ร้านค้าทอง เพราะเห็นว่าจะได้กำไรจากการขายทองที่มีราคาแพงขึ้น เมื่อเทียบกับราคาที่ซื้อทองคำในอดีต โดยเก็งว่าหากราคาทองคำถูกลง ก็จะซื้อทองคำและเครื่องประดับทองคำเก็บออมไว้เช่นเดิม

? มูลค่านำเข้าทองคำสูงขึ้น
การที่ทองคำในตลาดโลกมีราคาแพงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่านำเข้าทองคำของไทย การนำเข้าทองคำของไทยในช่วง 10 เดือนแรก 2548 มีมูลค่า 1,741 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 คาดว่าการนำเข้าทองคำของไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตลอดปีนี้ ทองคำเป็นสินค้าสำคัญในหมวดเครื่องเพชร-พลอย-อัญมณี-เงินแท่งและทองคำ ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าสำคัญอันดับ 9 ของไทย

การนำเข้าทองคำของไทยที่เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้แก่

? นำเข้าทองคำเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับทองรูปพรรณสำหรับจำหน่ายในตลาดทองภายในประเทศ
ส่วนใหญ่คนไทยทั่วไปนิยมใช้ทองคำเป็นเครื่องประดับตกแต่งเพื่อความสวยงาม และเพื่อบ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่เครื่องประดับทองคำรูปพรรณ

? นำเข้าทองคำเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นเครื่องประดับทองคำสำเร็จรูปเพื่อส่งออก
การส่งออกเครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำของไทย เพิ่มขึ้น 44% เป็นมูลค่า 931 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ อัญมณีและเครื่องประดับของไทยเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 7 ของไทย

? เก็บออมทองคำแท่งเพิ่ม
ราคาทองคำที่มีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะจูงใจให้นักลงทุนสนใจซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็บออมมากขึ้น ในฐานะสินทรัพย์มีค่า ทองคำแท่งนับเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ และนักลงทุนไทย นิยมซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็บออมและเพื่อการลงทุน ส่งผลให้การซื้อทองคำแท่งของไทยเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

สำหรับคนไทยที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับสูง และพอมีเงินเก็บออมอยู่บ้าง ก็มักนำเงินออมบางส่วนไปซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สมบัติเช่นกัน ถึงแม้ขณะนี้มีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เริ่มขยับสูงขึ้นก็ตาม แต่เป็นการขยับขึ้นอย่างช้าๆ ประชาชนชาวไทยที่จัดเป็นชนชั้นกลาง จึงหันไปซื้อทองคำแท่งซึ่งเป็นทรัพย์สินมีค่าที่ยอมรับกันทั่วไป ขณะที่ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้แรงงานจะนิยมเก็บออมทองคำในรูปเครื่องประดับทองรูปพรรณมากกว่าทองคำแท่ง เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องประดับทองรูปพรรณ ทั้งเพื่อสวมใส่แสดงถึงความมีฐานะของตน และเพื่อเป็นการเก็บออมพร้อมๆ กันด้วย

? จับตานักเก็งกำไร
การคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำ ซึ่งคาดว่าจะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า อาจเป็นช่องทางให้นักเก็งกำไรราคาทองคำเล็งเห็นโอกาสในการทำกำไรในช่วงที่ทองคำมีราคาสูงขึ้นรวดเร็ว โดยเข้าซื้อทองคำในช่วงราคาทองขาขึ้น และนำออกขายเมื่อเห็นว่าราคาทองถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้น ทางการไทยน่าจะมีมาตรการควบคุมดูแลการซื้อขายทองคำที่ผิดปกติ เพื่อมิให้เกิดการเก็งกำไรในลักษณะดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำของไทยเป็นวงกว้าง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในตลาดต่างประเทศและตลาดทองไทยในปี 2549 น่าจะมีพื้นฐานเข้มแข็งต่อไปในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง อันเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะยังคงรักษาระดับราคามั่นคงในปีหน้า ทำให้ความต้องการซื้อทองคำในตลาดต่างประเทศทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะทองคำยังเป็นสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดในโลก

สำหรับราคาทองคำของไทยซึ่งผูกติดกับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะมีราคาสูงขึ้นตามราคาทองคำโลก ดังนั้น การซื้อทองคำ ทั้งในรูปทองคำแท่งและเครื่องประดับทองคำเพื่อการลงทุนและเก็บออม จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบในช่วงที่ราคาทองคำค่อนข้างผันผวน อันเป็นผลจากความต้องการทุ่มซื้อทองคำในตลาดต่างประเทศที่พุ่งขึ้นมากผิดปกติ หากแรงซื้อทองคำในลักษณะดังกล่าวคลี่คลายลง คาดว่าราคาทองคำโลกจะกลับสู่ภาวะปกติ สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของตลาดทองคำต่างประเทศในที่สุด ส่งผลดีแก่ตลาดทองคำของประเทศไทยให้คลายความปั่นป่วนลงตามไปด้วย