ดีแทคเปิดศักราชปี 49 รุกกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ จับมือพันธมิตรไมโครซอฟท์

ดีแทค โมบายบิสิเนสโซลูชั่น และ ไมโครซอฟท์ ประกาศความร่วมมือล่าสุด มุ่งกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยโซลูชั่นอีเมลบนมือถือ “DTAC PushMail” ที่เพิ่มระดับความสามารถการใช้งานอีเมลบนสมาร์ทโฟนด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิมถึง 40% ผ่านแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นเอี่ยมอ่องจากไมโครซอฟท์วินโดวส์โมบาย 5.0 คาดได้รับความสนใจจากองค์กรขนาดใหญ่กว่า 100 แห่ง ในช่วงไตรมาสแรกนี้

นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาดีแทคได้เสนอโซลูชั่นทั้งด้านวอยซ์และนอนวอยซ์ด้วยเทคโนโลยีและบริการที่แปลกใหม่และสอดคล้องกับความต้องการใช้งานของลูกค้าองค์กรในแต่ละเซ็กเมนต์อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ลูกค้าองค์กรมีการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราการใช้บริการด้านวอยซ์ภายในประเทศ เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 30% บริการข้ามแดนอัตโนมัติเพิ่มขึ้น 86% และบริการนอนวอยซ์ เพิ่มขื้นถึง 192% อย่างไรก็ตาม ดีแทคยังยืนยันที่จะรุกตลาดองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2549

นายสันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค เปิดเผยว่าหลังจากเปิดตัวโซลูชั่นอีเมลบนมือถือ หรือ PushMail เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 และเปิดโอกาสให้กลุ่มองค์กรเป้าหมายได้ทดลองใช้บริการประมาณ 100 บริษัท ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการ DTAC PushMail อย่างจริงจังแล้วประมาณ 30 แห่งด้วยกัน

“ดีแทคจะยังคงรุกตลาดลูกค้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ PushMail เป็นหัวหอกในการทำตลาด และเริ่มกันทันทีตั้งแต่ต้นปี หลังจากได้ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ในการเพิ่มขีดความสามารถของบริการ PushMail เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ยังไม่เคยใช้บริการ Microsoft Outlook ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง เราจะเปิดตัวบริการ PushMail ที่ทำงานบน Microsoft Windows Mobile V5.0 ซึ่งเหมาะกับการใช้งานผ่านพีดีเอและสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะรุ่นที่รองรับการใช้งาน EDGE เพราะจะสามารถประมวลผล รับ-ส่งข้อมูล เปิดไฟล์ข้อมูล ภาพ เสียง โดยไม่จำกัดขนาดของไฟล์ และรวดเร็วกว่าเดิม 30-40% ผ่านอุปกรณ์ที่ราคาอยู่ในระดับที่ลูกค้ารับได้ และมีให้เลือกหลายรุ่น เช่น O2 Atom, Dupod” นายสันติกล่าว

นายสันติยังกล่าวถึงความพร้อมด้านทีมงานและเครือข่ายว่า “เรามีการเตรียมทีมบริการหลังการขายที่พร้อมให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือต่างๆ กับทุกสถานการณ์ของลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น ดีแทคยังมีความพร้อมของสถานีเครือข่ายกว่า 6,000 สถานีครอบคลุมทั่วประเทศ มีเครือข่าย EDGE ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงท่าอากาศยานภายในประเทศ 12 แห่ง และในปีนี้ดีแทคยังลงทุนเพิ่มอีก 1.2 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายสถานีเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 1,500 สถานี รวมทั้งขยายเครือข่าย EDGE ในอีก 16 จังหวัดด้วยกัน

ด้าน นายแอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือกับดีแทคในครั้งนี้ว่า เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเพื่อธุรกิจ ซึ่งไมโครซอฟท์มีนโยบายในการนำเสนอคุณค่าแก่องค์กรธุรกิจไทยด้วยความก้าวหน้าของซอฟต์แวร์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแก่ผู้ใช้งานและองค์กรธุรกิจ “ไมโครซอฟท์มีศูนย์ Business Productivity Center (BPC) ซึ่งร่วมมือกับทางบริษัท เมโทรซิสเต็ม ที่สามารถจะสาธิตและแสดงศักยภาพของการทำงานของชุดซอฟต์แวร์ ซึ่งลูกค้าใหม่ๆของดีแทคที่สนใจต้องการชมหรือต้องการทดลองก็สามารถมาทดสอบและทดลองโซลูชั่นต่างๆของ Window Mobile Messaging Platform ได้ที่ศูนย์แห่งนี้ ปัจจุบัน การใช้งานซอฟต์แวร์ไม่ได้จำกัดอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่ด้วยลักษณะธุรกิจที่ต้องมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลานั้น โมบิลิตี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ใช้งานทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 5.0 ที่ทำให้การใช้งานบนพ็อกเก็ตพีซีและสมาร์ทโฟน มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพิ่มความอัจฉริยะให้การสื่อสารแบบเดิมๆ ที่นอกจากจะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารเข้าด้วยกันแล้ว ยังเชื่อมโยงผู้คนและข้อมูลที่พวกเขาต้องการเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต้องการ ช่วยลดความซับซ้อนและข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารไม่ว่าจะเป็นระหว่างบุคคลและการเจรจาธุรกิจ ช่วยเพิ่มประสิทธิผลให้บุคลากรและองค์กรทำงานได้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้องค์กรธุรกิจได้ตระหนักถึงศักยภาพของซอฟต์แวร์โซลูชั่นที่ทำงานแบบโมบิลิตี้ โดยเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับ Office Application ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านและแก้ไข Excel file หรือ Power Point ได้โดยตรงจากพ็อกเก็ตพีซี Windows Mobile 5.0 ยังออกแบบให้รองรับได้ทั้ง 3G และ Wi-Fi”.