วาเลนไทน์ปี’49 : เงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯ 960 ล้านบาท

หลังจากเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งเป็นเทศกาลซื้อของขวัญและเทศกาลจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเป็นประจำทุกปีได้สิ้นสุดลงแล้ว โอกาสของการซื้อของขวัญที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งในระยะต้นปีคือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก คาดการณ์ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคัก เนื่องจากตรงกับวันอังคาร ซึ่งเป็นช่วงหลังวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน(วันที่ 11 กุมภาพันธ์-13 กุมภาพันธ์) ดังนั้นบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของขวัญเพื่อมอบให้กับคนรักจะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ไปจนถึงในช่วงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2548 หรือตั้งแต่วันเสาร์ไปจนถึงวันจันทร์ ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของวันวาเลนไทน์คือกลุ่มเยาวชนและกลุ่มที่เพิ่งเริ่มจะเข้าทำงานมีเวลาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าได้มากกว่าวันทำงาน/เรียนหนังสือ นอกจากนี้ในปีนี้ยังมีปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินในช่วงวันวาเลนไทน์มีเงินสะพัดมากขึ้น เนื่องจากเงินโบนัสและเงินแต๋ะเอียในช่วงตรุษจีนที่บรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆจ่ายให้กับลูกค้านับว่าอยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อสำหรับวันวาเลนไทน์ในปีนี้ด้วย ดังนั้นในช่วงนี้บรรดาธุรกิจต่างๆที่สามารถใช้ช่วงวาเลนไทน์เป็นโอกาสในการขายเริ่มจัดร้านต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “วันวาเลนไทน์ปี 2006 ในสายตาเยาวชนกรุงเทพฯ” จากกลุ่มตัวอย่าง 731 คน ในระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2549 โดยในการสำรวจครั้งนี้เน้นฉพาะกลุ่มเยาวชน เนื่องจากผลการสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มเยาวชนนี้เป็นเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ และกลุ่มที่เป็นกำลังซื้อหลักของเทศกาลนี้ด้วย ส่วนกลุ่มอายุอื่นๆนั้นค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลนี้ไม่แตกต่างกันมากนักในแต่ละปี คาดว่าในปี 2549 นี้จะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ประมาณ 960 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯ 800 ล้านบาทแล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20.0 โดยคาดว่าคนกรุงเทพฯมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในช่วงวันวาเลนไทน์ที่แตกต่างกันอย่างมากทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์และกำลังซื้อของแต่ละคน

อย่างไรก็ตามปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ในปีนี้เพิ่มขึ้นก็คือ วันวาเลนไทน์นับเป็นวันแรกของการมาทำงานหลังจากที่ได้หยุดติดต่อกัน 3 วัน ซึ่งทำให้บรรดาธุรกิจต่างๆมีโอกาสในการกอบโกยยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากบรรดากลุ่มเป้าหมายมีกิจกรรมเพิ่มเติม โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้าน ชมภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง และเดินทางท่องเที่ยว
ในวันวาเลนไทน์เป็นช่วงที่บรรดาธุรกิจต่างรอคอยด้วยความคาดหวังว่าเทศกาลจะกระตุ้นให้ยอดจำหน่ายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นมากกว่าในภาวะปกติ แม้ว่าเทศกาลวันแห่งความรักเป็นวัฒนธรรมของตะวันตกที่เข้ามาแทรกซึมความคิดของคนรุ่นใหม่ได้อย่างกลมกลืน แต่ก็มีผลให้แนวความคิดในการแสดงถึงความรักของคนไทยเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากที่เคยเป็นเรื่องที่ถือว่าควรปกปิดมาเป็นการเปิดเผยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนนั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายของเทศกาลนี้ โดยเริ่มจับกลุ่มตลาดตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น-วัยเรียน ไปจนถึงคนที่ทำงานแล้ว โดยการมอบของขวัญให้แก่กันเพื่อเป็นการแสดงถึงความรักหรือมิตรภาพใสๆระหว่างเพื่อน ไปจนถึงความรักของหนุ่มสาวหรือคู่รัก ซึ่งพฤติกรรมที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายจุดประกายการเจาะตลาดให้บรรดานักธุรกิจทั้งหลายผลิตสินค้าอิงกระแสในวันแห่งความรักนี้เพื่อสนองความต้องการที่หลากหลายในช่วงเทศกาลดังกล่าว

เยาวชน …กลุ่มเป้าหมายของวันวาเลนไทน์

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “วันวาเลนไทน์ปี 2006 ในสายตาเยาวชนกรุงเทพฯ” จากกลุ่มตัวอย่าง 731 คน ในระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2549 แบ่งการสุ่มตัวอย่างกระจายกลุ่มตัวอย่างตามอายุ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าอายุที่แตกต่างกันนั้นมีผลต่อการให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ที่แตกต่างกันอย่างมาก และในการสำรวจพบว่าในสายตาของกลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในช่วงเยาวชนให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์อย่างมาก กล่าวคือ กลุ่มเยาวชนให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากร้อยละ 56.2 ของกลุ่มตัวอย่างและให้ความสำคัญมากที่สุดร้อยละ 19.4 ส่วนที่เหลือร้อยละ 20.9 ให้ความสำคัญน้อย และร้อยละ 3.4 ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย นอกจากนี้ความแตกต่างของการให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์สำหรับในกลุ่มตัวอย่างคือ มีแฟนหรือยังไม่มี โดยกลุ่มที่มีแฟนแล้วจะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากกว่ากลุ่มที่ยังไม่มีแฟน กล่าวคือ กลุ่มตัวอย่างที่มีแฟนแล้วจะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากร้อยละ 58.7 และให้ความสำคัญมากที่สุดร้อยละ 32.3 ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ยังไม่มีแฟนให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากร้อยละ 55.3 และให้ความสำคัญมากที่สุดร้อยละ 9.4 ดังนั้นบรรดาผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ หรือต้องการอาศัยช่วงวันวาเลนไทน์เพิ่มยอดการจำหน่ายสินค้าคงต้องพุ่งเป้าความสนใจไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นเยาวชน เนื่องจากการผลิตสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ก็จะทำให้ช่วงวันวาเลนไทน์นี้ผู้ประกอบการก็จะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าและบริการได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ค่าใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์…คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20.0 %

วันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันอังคารซึ่งแม้ว่าจะเป็นวันทำงาน/เรียนหนังสือ แต่ก็เป็นวันแรกของการทำงานหลังจากที่หยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน จึงคาดว่ากิจกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์จะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ตลอดทั้งวัน บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คำนวณว่าในปี 2549 นี้จะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ 960 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากในช่วงปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 20.0 โดยค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้แยกเป็น ค่าใช้จ่ายในการซื้อดอกไม้ ค่าใช้จ่ายในการซื้อของอื่นๆไม่รวมค่าดอกไม้ และค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมอื่นๆ คือ ดูภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง รับประทานอาหารนอกบ้าน และเดินทางท่องเที่ยว โดยค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์จะแตกต่างกันดังนี้

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2549
บาท/คน
กลุ่มเยาวชนระดับต่างๆ ซื้อดอกไม้ ซื้อของขวัญ กิจกรรมอื่นๆ รวม
ประถม 140 70 30 240
มัธยม 180 230 250 660
อุดมศึกษา 500 670 500 1,670
วัยเริ่มทำงาน 580 800 600 1,980
ที่มา : โพลล์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

จากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47.8 เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์ในปีนี้ เนื่องจากเป็นวันติดกับวันหยุดยาว ทำให้มีการทำกิจกรรมเพิ่มเติมมากขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่างคาดว่าช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ยคนละ 300 บาทต่อคน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้จะแตกต่างกันอย่างมากตามแต่กำลังซื้อของแต่ละคน โดยคาดว่ากิจกรรมที่บรรดากลุ่มเป้าหมายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์จะใช้จ่ายเพิ่มเติมคือ การดูภาพยนตร์ รับประทานอาหารนอกบ้าน ช็อปปิ้ง และเดินทางท่องเที่ยว

กุหลาบ…ของขวัญยอดฮิต

ในช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบนับว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากเป็นอันดับหนึ่งทุกปี โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและการ์ด รองลงมา คือ ช็อคโกแล็ต และสินค้ากิ๊ฟช็อป ซึ่งนับว่าไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงคาดหมายได้ว่าดอกกุหลาบจะยังคงขายดิบขายดีเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์จะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับในช่วงปกติก็ตาม แต่ผลจากการสำรวจยังคงพบว่ากลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะให้ดอกไม้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ถึงร้อยละ 32.1 และส่วนใหญ่ก็ยังยืนยันที่จะให้ดอกกุหลาบโดยเฉพาะสีแดงและสีขาวถึงร้อยละ 80.9 ทำให้ยอดจำหน่ายดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้สูงกว่าช่วงปกติประมาณ 10 เท่าตัว

ในช่วงก่อนจะถึงเทศกาลวันแห่งความรักประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบได้ลืมตาอ้าปาก ซึ่งเมื่อสอบถามทางร้านค้าและชาวสวนแล้วคาดว่าราคาจะใกล้เคียงเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปริมาณดอกกุหลาบจะมีเพียงพอกับความต้องการ และยังมีกุหลาบจากจีนเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ ในขณะที่ความต้องการซื้อยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง รวมทั้งในปีนี้ตรงกับวันแรกของการทำงานหลังจากวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ผู้คนที่เดินทางไปทำงานก็จะมีการหาซื้อดอกกุหลาบไปฝากเพื่อนที่ทำงานด้วย

คาดว่าราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์ในปีนี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา โดยกุหลาบสีแดงและสีขาวราคาเฉลี่ย 130-150 บาท/มัด(50 ดอก) ส่วนดอกกุหลาบที่มาจากไร่กุหลาบทางภาคเหนือซึ่งจะมีดอกขนาดใหญ่กว่าราคาประมาณดอกละ 20-30 บาท จากราคาปกติ 5 บาท/ดอก ส่วนกุหลาบจากต่างประเทศนั้นกุหลาบจีนได้รับความนิยมมากกว่ากุหลาบจากฮอลแลนด์ เนื่องจากขนาดดอกใหญ่ใกล้เคียงกัน แม้ว่ากุหลาบจากฮอล์แลนด์จะแข็งแรงและทนทานกว่า แต่ราคาจะสูงถึงประมาณดอกละ 200-300 บาทต่อดอก ในขณะที่กุหลาบจีนราคาเพียง 30-40 บาทต่อดอกเท่านั้น หากจัดเป็นช่อประมาณ 50-3,000 บาททั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนดอกกุหลาบที่ต้องการ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้ตามความต้องการ ลักษณะการเลือกซื้อดอกไม้ในช่วงวาเลนไทน์นั้นลูกค้าที่มีฐานะจะนิยมซื้อดอกไม้จากร้านจัดดอกไม้เพื่อสั่งเป็นช่อ ส่วนลูกค้าโดยทั่วไปโดยเฉพาะนักเรียน/นักศึกษาจะซื้อเป็นดอก แม้ว่าราคาดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์จะแพงกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่ผู้ที่ตั้งใจจะซื้อดอกกุหลาบให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์ ซึ่งในช่วงวันวาเลนไทน์นี้สร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับร้านจัดดอกไม้ ร้านจำหน่ายดอกไม้สด และเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้

อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างและบรรดาร้านจำหน่ายดอกไม้พบว่ากลุ่มวัยรุ่นส่วนหนึ่งนิยมซื้อดอกกุหลาบแบบห่อ(50ดอก) แล้วนำไปจัดช่อเอง ทำให้การจำหน่ายดอกกุหลาบในลักษณะจัดช่อให้ของร้านจำหน่ายดอกไม้มียอดลดลงไปบางส่วน ในขณะที่กุหลาบแบบห่อและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการจัดช่อดอกไม้มียอดจำหน่ายสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นบางกลุ่มให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ แต่ก็ยังไม่ได้ฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ในช่วงวันวาเลนไทน์ คือ กลุ่มมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เป็นสื่อกลางจากบรรดาร้านจัดดอกไม้ที่ใช้บริการส่งดอกไม้ถึงมือผู้รับ โดยอัตราค่าจ้างขึ้นอยู่กับระยะทางและเท่ากับราคาส่งผู้โดยสารปกติ

บอกรักออนไลน์…กามเทพไฮเทค

สื่อบอกรักในช่วงวันวาเลนไทน์ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน แม้ว่าวิธีบอกรักยอดนิยมยังคงเป็นการไปพบและบอกรักด้วยตนเอง และการเขียนข้อความในการ์ดก็ตาม แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวิธีบอกรักที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นได้แก่

1.โทรศัพท์มือถือ
จากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 24.2 ระบุว่าในช่วงวาเลนไทน์จะใช้โทรศัพท์มือถือคุยกันเป็นกรณีพิเศษ และร้อยละ 14.1จะมีการส่งข้อความ/รูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือถึงคนพิเศษอีกด้วย คาดว่าเทศกาลวันวาเลนไทน์ปี 2549 นี้จะมีผู้ใช้บริการส่งเอสเอ็มเอสและเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้น โดยจากสถิติของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระบุว่าในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2548 การส่งเอสเอ็มเอสเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และการส่งเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว ซึ่งทางบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เตรียมความสามารถในการรองรับการใช้บริการ และเริ่มมีการจัดโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ด้วย เช่นบริการดาว์นโหลดข้อความและภาพฟรี เป็นต้น

2.อินเตอร์เน็ต
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.8 ระบุว่าในช่วงวาเลนไทน์จะส่งข้อความผ่านอี-เมล์หรืออี-การ์ดให้กับคนพิเศษ โดยลักษณะการใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตในช่วงวันวาเลนไทน์มี 2 ประเภท คือการใช้บริการฝากข้อความผ่านอินเตอร์เนตของโทรศัพท์มือถือ และการส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์(E-card) การส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์นับว่าเป็นทางเลือกอีกวิธีหนึ่งในการแสดงความรักที่มีผู้นิยมใช้กันมาก ทั้งนี้การส่งบัตรอวยพรแบบนี้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

3.การสั่งดอกไม้ออนไลน์
เวบไซต์จำหน่ายดอกไม้ของไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยยอดคำสั่งซื้อในวันวาเลนไทน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหากเทียบกับวันธรรมดาแล้วยอดสั่งซื้อในวันวาเลนไทน์เพิ่มขึ้น 30-40 เท่าตัว นับว่าเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทำเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายดอกไม้กันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์จำหน่ายดอกไม้ประมาณ 20 เว็บไซด์ โดยเวบไซต์ขายดอกไม้ต่างๆ มีจุดเด่นและรูปแบบทางธุรกิจที่หลากหลายและน่าสนใจ เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เวบไซต์ขายสินค้าประเภทนี้มีอนาคตสดใส ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาให้มีสินค้าที่หลากหลายขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะสินค้าประเภทของขวัญในเทศกาลต่างๆ เช่น ตุ๊กตา เค้ก โดยจะไม่จำกัดคำสั่งซื้ออยู่เฉพาะดอกไม้เพียงอย่างเดียว

ผู้ประกอบการร้านสั่งดอกไม้ออนไลน์คาดว่ายอดการสั่งซื้อดอกไม้ออนไลน์น่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว เนื่องจากยังเชื่อว่าหัวใจหลักของวันวาเลนไทน์คือการส่งดอกกุหลาบให้กับคนที่เป็นที่รัก รวมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีการปรับแผนการตลาดทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาในปีที่ผ่านมาที่ร้านเครือข่ายไม่สามารถรักษาคุณภาพของดอกไม้ได้เท่าเทียมกัน โดยการให้ลูกค้าสั่งซื้อโดยตรงทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้ดอกไม้ที่ได้มาตรฐาน ในคุณภาพและราคาเดียวกัน รวมทั้งมีการขยายพื้นที่การจัดเก็บดอกไม้อีกร้อยละ 30 และพัฒนาเทคโนโลยีช่วยลดการสูญเสียดอกไม้ในกรณีที่ใช้งานไม่หมดทั้งนี้เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของดอกไม้ไว้รอคำสั่งซื้อจากผู้บริโภค

เงินสะพัดวันวาเลนไทน์…หลากธุรกิจรับทรัพย์

กิจกรรมยอดนิยมในวันวาเลนไทน์ 5 อันดับแรก คือ โทรศัพท์คุยกันเป็นกรณีพิเศษ ดูภาพยนตร์ ส่งข้อความ/รูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ รับประทานอาหารนอกบ้าน และช็อปปิ้ง อย่างไรก็ตามความนิยมในการเลือกกิจกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์นั้นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามอายุที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มวัยรุ่นนั้นจะเลือกดูภาพยนตร์และส่งข้อความ/รูปภาพผ่านมือถือเป็นกิจกรรมอันดับต้น นอกจากนี้กิจกรรมยอดฮิตที่น่าจับตามองของกลุ่มวัยรุ่น คือ การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือในวันวาเลนไทน์ และจากการสอบถามผู้ที่จะร่วมกิจกรรมวันวาเลนไทน์ที่ไม่ใช่ระดับเยาวชนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่อายุมากกว่า 30 ปีโดยเฉพาะผู้ที่แต่งงานแล้วจะเลือกการรับประทานอาหารนอกบ้านและช็อปปิ้ง เพราะถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ควรจะมีกิจกรรมร่วมกัน ส่วนผู้ที่ตอบแบบสอบถามที่อายุมากกว่า 60 ปีจะเลือกกิจกรรมการไปรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นกิจกรรมหลักในวันวาเลนไทน์ จากหลากหลายกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ทำให้เกิดเงินสะพัดในธุรกิจต่างๆ ดังนี้

– ร้านจัดดอกไม้และร้านขายดอกไม้
กุหลาบแดงเป็นสัญญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ทำให้ในช่วงวาเลนไทน์ของทุกปีราคาดอกกุหลาบสีแดงจึงพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนร้านจัดดอกไม้มีดอกกุหลาบให้บริการแก่ลูกค้าทั้งดอกกุหลาบในประเทศและดอกกุหลาบต่างประเทศ ซึ่งดอกกุหลาบในประเทศนั้นแต่ละร้านที่มีร้านเจ้าประจำที่ตลาดปากคลองตลาด และมีแหล่งซื้อสำรอง คือ ตลาดมีนบุรี และตลาดสี่มุมเมือง เนื่องจากในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ความต้องการดอกกุหลาบมีมาก จนบางครั้งทำให้ดอกกุหลาบขาดตลาด โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง

สำหรับดอกกุหลาบที่นำเข้าปัจจุบันกุหลาบจีนเข้าแย่งตลาดกุหลาบนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ แต่ละร้านต้องสั่งล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งยอดการสั่งดอกกุหลาบในช่วงนี้ประมาณ 5,000-10,000 ดอกต่อร้าน ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ร้านจัดดอกไม้ทั้งรายใหญ่รายย่อยถือว่าเป็นเทศกาลรับทรัพย์เทศกาลหนึ่งทีเดียว ในปีที่ผ่านๆ มาว่ากันว่ายอดจำหน่ายของร้านดอกไม้ในช่วงเทศกาลนี้สูงถึงเป็นตัวเลขห้าหลักทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของร้าน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลวาเลนไทน์อยู่มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ในปีนี้มีทางเลือกใหม่สำหรับผู้ต้องการส่งดอกไม้ให้กับคนรักด้วยการสั่งดอกไม้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

– ธุรกิจบัตรอวยพร
ปัจจุบันตลาดบัตรอวยพรในประเทศมีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าแยกยอดจำหน่ายตามประเภทของบัตรอวยพรจะพบว่า บัตรอวยพรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่มียอดจำหน่ายร้อยละ 40 ของยอดจำหน่ายบัตรอวยพรทั้งหมด บัตรอวยพรช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มียอดจำหน่ายร้อยละ 20-30 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30-40 เป็นยอดจำหน่ายของบัตรอวยพรในโอกาสต่างๆ ที่ในวงการค้าเรียกกันว่าการ์ดกลางปี เช่น บัตรอวยพรวันเกิด แสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าในช่วงวันวาเลนไทน์นับว่าเป็นเทศกาลหนึ่งที่บัตรอวยพรนั้นขายดิบขายดี เนื่องจากในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นั้นนิยมให้บัตรอวยพรควบคู่ไปกับดอกกุหลาบสีแดง บัตรอวยพรในช่วงวาเลนไทน์ที่ขายดีจะเป็นบัตรอวยพรในระดับราคาตั้งแต่ 8-28 บาท ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น

ตลาดบัตรอวยพรในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้แบ่งตลาดออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ตลาดระดับบนราคาตั้งแต่ 30 บาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีการนำเทคนิคที่ทันสมัยมาจูงใจผู้บริโภคมากขึ้น เช่นมีเสียงเพลง หรือเป็นการ์ดที่พับหลายตอน ส่วนตลาดอีกกลุ่มซึ่งเป็นตลาดกลุ่มที่ใหญ่มากของตลาดบัตรอวยพรในเทศกาลวันวาเลนไทน์ คือบัตรอวยพรราคาตั้งแต่ 30 บาทลงมา โดยที่ลูกค้าเป้าหมายของตลาดนี้เป็นวัยรุ่น ดังนั้นประเภทการ์ดที่ขายดิบขายดี คือ การ์ดที่เน้นมิตรภาพใสๆ หรือมีคำเก๋ หรือคำกวนที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นในขณะนั้น ซึ่งในเรื่องการเจาะตลาดนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตบัตรอวยพรต้องให้ความสนใจติดตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการบัตรอวยพรรายใหญ่ๆ ในประเทศไทย ต่างลงความเห็นว่ายอดจำหน่ายบัตรอวยพรสำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ในปีนี้น่าจะทรงตัวพอๆ กับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากคนไทยหันไปนิยมการส่งอี-การ์ดหรือการส่งข้อความผ่านทางอี-เมล์แทน อย่างไรก็ตามบัตรอวยพรในเทศกาลวันวาเลนไทน์นั้นยังมียอดจำหน่ายที่น่าพอใจ โดยกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ยังนิยมซื้อบัตรอวยพรส่งไปพร้อมกับดอกไม้หรือของขวัญ

– ร้านกิ๊ฟท์ช็อป
ในปีนี้ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มีแนวโน้มว่ากิจการของร้านกิ๊ฟท์ช็อปจะดีกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะร้านกิ๊ฟท์ช็อปที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และย่านการค้าที่บรรดาวัยรุ่นนิยมไปจับจ่ายซื้อของ เช่น ตลาดจตุจักร เป็นต้น เนื่องจากยอดการจำหน่ายของสินค้าประเภทกิ๊ฟท์ช็อปกระเตื้องขึ้นถึงร้อยละ 20.0 ในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต่างหวังว่ายอดจำหน่ายจะกระเตื้องขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ทุกรูปแบบขึ้นมาสู้กันเพื่อดันยอดจำหน่ายของร้านให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากยอดจำหน่ายของร้านกิ๊ฟท์ช็อปร้อยละ 60-70 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล

พฤติกรรมการเลือกซื้อของในร้านกิ๊ฟช็อปในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์พอจะแบ่งลูกค้าออกเป็น 2 กลุ่มคือ ลูกค้าที่ซื้อให้เพื่อน ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อของจำนวนมากชิ้นราคาไม่แพงนัก และส่วนใหญ่ซื้อเป็นของกระจุกกระจิก ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งซื้อให้คู่รักจะเลือกของที่ดูดี ราคาที่ซื้อต่อชิ้นจะสูงกว่ากลุ่มแรก อย่างไรก็ตามคู่แข่งที่มาแรงสำหรับร้านกิ๊ฟช็อปคือ ของที่ประดิษฐ์เอง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุในช่วง 17-29 ปี โดยความนิยมให้ของที่ประดิษฐ์เองนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
-ช็อคโกแล็ตและขนม จากการสำรวจพบว่าช็อคโกแล็ตเป็นขนมหวานยอดนิยมสำหรับในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งในต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นถือว่าการให้ช็อคโกแล็ตนั้นเป็นการบอกรักอีกวิธีหนึ่งสำหรับหญิงสาว ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่นิยมให้ช็อคโกแล็ตเนื่องในวันวาเลนไทน์คือ กลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีและกลุ่มวัยรุ่น อย่างไรก็ตามในปีนี้คู่แข่งที่มาแรงของช็อกโกแล็ตคือ ขนมไทย เนื่องจากกระแสรณรงค์นิยมไทย ทำให้ขนมไทยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะเป็นตัวแทนความรักในช่วงวันวาเลนไทน์

นอกจากนี้บริษัทที่ผลิตเบเกอรี่ก็มีการใช้เทศกาลวาเลนไทน์ในการส่งเสริมการขาย เช่น บริษัทที่ผลิตคุกกี้ และโดนัทเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กันในช่วงเทศกาลนี้ เพิ่มเมนูพิเศษ หรือจัดกิจกรรมให้กับคู่รักที่เข้ามาซื้อสินค้าในวันวาเลนไทน์ เป็นต้น

– ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า
บรรดาร้านอาหารต่างๆ เตรียมตัวรับเทศกาลวันวาเลนไทน์กันอย่างคึกคัก โดยถือว่าเป็นโอกาสโกยกำไรกันอีกช่วงหนึ่ง โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีๆ หรือร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันอังคารหลังวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับร้านอาหารบรรยายกาศดีๆที่จะมีการฉลองล่วงหน้าก่อนวันวาเลนไทน์ และร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นจะมีโอกาสดีเป็นพิเศษ เนื่องจากในวันนั้นบรรดาหนุ่มสาว และวัยรุ่นจะมีกิจกรรมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะการเดินเลือกซื้อของ และดูภาพยนตร์ โดยคาดว่าบรรยกาศจะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์

– โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า
จากผลการสำรวจคาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์คนในกรุงเทพฯที่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์จะพาคู่รัก หรือเพื่อนที่รู้ใจไปดูภาพยนตร์ โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งสะดวกที่จะประกอบกิจกรรมอื่นๆ ด้วย เช่นการเลือกซื้อของ และการรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตามในปีนี้เนื่องจากวันวาเลนไทน์ตรงกับวันจันทร์ ดังนั้นโอกาสที่จะเลือกชมภาพยนตร์มีไม่ได้หลายเรื่องหรือหลายรอบเหมือนกับในปีที่ผ่านมา คาดว่าคู่รักมักจะอุดหนุนภาพยนตร์รอบเย็นและรอบค่ำเป็นส่วนใหญ่

บทสรุป

วันวาเลนไทน์เป็นอีกวันหนึ่งที่บรรดาธุรกิจต่างรอคอยด้วยความหวังว่าเทศกาลนี้จะมาช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าและบริการอีกครั้งหนึ่งหลังจากเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ โดยในปี 2549 นี้วันวาเลนไทน์ตรงกับวันอังคารทำให้คาดหมายว่ากิจกรรมต่างๆในวันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์ต่างนัดหมายกันไปจับจ่ายซื้อของกันล่วงหน้า

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “วันวาเลนไทน์ปี 2006 ในสายตาของเยาวชนกรุงเทพฯ” พบว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯประมาณ 960 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเม็ดเงินในปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20.0 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินสะพัดในช่วงวันวาเลนไทน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากวันวาเลนไทน์ปีนี้นับว่าเป็นวันเปิดทำงานวันแรกหลังจากวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน โอกาสในการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นและบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวันวาเลนไทน์มีการทำกิจกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้าน ดูภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง และเดินทางท่องเที่ยว

สินค้ายอดฮิตที่จะมีการมอบให้กันในวันวาเลนไทน์นั้นยังคงเป็นดอกกุหลาบ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว คาดหมายว่าราคาดอกกุหลาบในปีนี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าราคาไม่แพงมากนัก เนื่องจากปริมาณกุหลาบในประเทศมีปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการ และกุหลาบนำเข้าก็มีกุหลาบจากจีนมาทดแทนกุหลาบจากฮอลแลนด์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายดอกกุหลาบในปีนี้เพิ่มขึ้น แต่ก็จะทำให้ดอกกุหลาบที่เป็นดอกไม้ประดิษฐ์จะขายไม่ออก ดังนั้นในช่วงวันวาเลนไทน์กิจการร้านจัดดอกไม้ เกษตรกรและผู้ค้าดอกไม้ต่างได้รับประโยชน์จากเงินสะพัดกันถ้วนหน้า

กิจกรรมยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์คือ การบอกรักผ่านกามเทพไฮเทคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ตโดยการฝากข้อความ/รูปภาพ การส่งการ์ดออนไลน์ และการสั่งดอกไม้ออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ คาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์มีเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจเหล่านี้ไม่น้อยทีเดียว นอกจากนี้กิจกรรม 5 อันดับแรกที่นิยมทำในวันวาเลนไทน์คือ โทรศัพท์คุยกันเป็นกรณีพิเศษ ดูภาพยนตร์ ส่งข้อความ/รูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ รับประทานอาหารนอกบ้าน และช็อปปิ้ง ซึ่งหลากหลายกิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากหลายธุรกิจเช่นกัน