เอไอเอสเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ด้วยไอเดียกิ๊บเก๋ ให้คุณสนุกได้แบบครบครันทั้งภาพและเสียงเมื่อมีคนโทร.หาด้วย “วีดีโอ ริงโทน” เสียงเรียกเข้าแบบมัลติมีเดียครั้งแรกในประเทศไทย เริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ศกนี้
นายสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์, ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานพัฒนาบริการเสริม เอไอเอส โมบายไลฟ์ เปิดเผยถึงแนวคิดในการพัฒนาบริการใหม่ล่าสุด “วีดีโอริงโทน” ว่า “เสียงเรียกเข้า หรือ ริงโทน นั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการใช้มือถือของเรามาโดยตลอด และถือเป็นเสน่ห์ตลอดจนความสนุกที่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานมือถือ รวมถึงเป็นสิ่งที่บอกถึงรสนิยม บุคลิกของผู้ใช้อีกด้วย สำหรับพัฒนาการของริงโทนนั้น จะเห็นได้ว่ามีมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก โมโนโทน โพลีโฟนิค ทรูโทน ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้ใช้บริการที่เลือกรูปแบบการใช้งานของริงโทนตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน”
“อย่างไรก็ตามสีสันความสนุกของการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นหากจะเกิดขึ้นได้อย่างครบถ้วน ก็ควรจะอยู่ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ที่ผสมผสานทั้งภาพและเสียง ดังนั้นเอไอเอส โมบายไลฟ์ จึงจับมือกับพันธมิตรคือ บริษัท 125 เทเลคอม พัฒนานวัตกรรมเสียงเรียกเข้าใหม่ล่าสุดขึ้น คือ “วีดีโอ ริงโทน” โดยนำคลิปวีดีโอ ซึ่งมีทั้งแบบสำเร็จรูปพันธมิตรหลายๆค่าย อาทิ RS, Red Beat, วอร์เนอร์มิวสิค, Musiconline (เพลงลูกทุ่ง), BECi (เสียงศิลปินสังกัดช่อง 3) รวบรวมเป็นคลังไว้ หรือ คลิปที่คุณถ่ายเองก็ได้ มาทำเป็นเสียงเรียกเข้า ซึ่งจากนี้ไปเมื่อมีการโทร.เข้า เสียงเรียกเข้าของท่านก็จะมีทั้งภาพและเสียงในรูปแบบของวีดีโอ ริงโทนนั่นเอง”
สำหรับขั้นตอนการใช้บริการก็คือ เข้ามาที่โมบายไลฟ์พลาซ่า จากนั้นเลือก Music & Ringtones แล้วเลือกหมวด VDO Ringtone ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดซอฟท์แวร์เพื่อติดตั้งในเครื่องพร้อม 1 วีดีโอคลิป ให้คุณได้เลือกเป็นวีดีโอริงโทนได้ทันที ในอัตรา 40 บาท นอกจากนี้หลังจากที่ติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ดาวน์โหลดมาแล้ว ยังสามารถนำวีดีโอคลิปที่ถ่ายเองมาทำเป็นวีดีโอ ริงโทนได้เช่นกัน (กรณีนี้ไม่เสียค่าบริการ) สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งรองรับการใช้งานคือ ซิมเบี้ยนโฟน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ. 1,000,000 เครื่องในตลาด
“นี่คืออีก 1 สีสันความสุขเพื่อการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของทุกท่านจากโมบายไลฟ์ ที่มุ่งมั่นทำเพื่อผู้ใช้บริการ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจการพัฒนาวีดีโอคลิปของผู้ให้บริการ content อีกด้วย” นายสุวิทย์กล่าวในตอนท้าย