นิวยอร์ก—(บิสิเนส ไวร์)—20 มิ.ย. 2549
รายงาน World Wealth Report ฉบับครบรอบ 10 ปีที่บริษัทเมอร์ริล ลินช์ (NYSE: MER) และบริษัทแคปเจมิไนเผยแพร่ออกมาในวันนี้ระบุว่า กลุ่มบุคคลที่มีสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ (HNWIs) ไม่รวมที่อยู่อาศัยและของใช้อุปโภคบริโภค มีสินทรัพย์รวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 33.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2548 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.5% จากปี 2547 ขณะที่จำนวน HNWIs เพิ่มขึ้น 6.5% จากปี 2547 ไปอยู่ที่ 8.7 ล้านคน และจำนวนของ Ultra-HNWIs หรือผู้ที่มีสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เพิ่มขึ้น 10.2% เป็น 85,400 คนในปี 2548 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ประชากร HNWI ในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนต่ำกว่าปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้น 6.8% ในปี 2548 เมื่อเทียบกับ 9.9% ในปี 2547
ประชากร HNWI ของแคนานาเพิ่มขึ้น 7.2% ประชากร HNWI ของทั้งสองประเทศรวมกันเพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2548 เมื่อเทียบกับ 9.8% ในปี 2547 แม้ว่าการเติบโตของ HNWI จะชะลอตัวลง แต่อเมริกาเหนือยังคงมีจำนวน HNWIs มากที่สุด และยังคงมีมูลค่าสินทรัพย์สะสมของ HNWI มากที่สุดในโลก
นายโรเบิร์ต แมคแคนน์ รองประธานและประธานกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลระดับโลกของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า “การเติบโตของจีดีพีและมูลค่าตามราคาตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการสร้าง ความมั่งคั่ง ทำให้ปี 2548 เป็นปีที่แข็งแกร่ง แต่ทำให้การเติบโตในบางภูมิภาคช้าลง หลังจากผลการดำเนินงานทั่วโลกที่แข็งแกร่ง 2 ปีซ้อน”
“ผลตอบแทนด้านตลาดและตัวชี้วัดเศรษฐกิจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการสร้างความมั่ง คั่งได้ชะลอตัวลงในหลายภูมิภาค ที่สำคัญคืออเมริกาเหนือ แต่ NHWIs ยังคงได้รับประโยชน์จากการเติบโตของจีดีพีและมูลค่าตามราคาตลาดที่ดีในปีที่ แล้ว นายแมคแคนน์กล่าวต่อว่า “HNWIs พบว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นโอกาสที่มีค่ามาก โดยตัวขับเคลื่อนคู่ คือมูลค่าราคาตามตลาดและจีดีพียังคงทำให้เกิดอัตราการเติบโตสูงในปี 2548 ในขณะเดียวกันลาติน อเมริกาและตะวันออกกลาง ก็มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ HNWIs ที่ได้ลงทุนภายในประเทศ และ HNWIs ที่ลงทุนจากส่วนอื่นๆของโลก”
ประชากร HNWI เติบโตขึ้นอย่างมากในเกาหลีใต้ โดยเพิ่มขึ้น 21.3% อินเดียเพิ่มขึ้น 19.3% รัสเซีย 17.4% และแอฟริกาใต้ 15.9% นอกจากนี้ 3 จาก 4 ประเทศในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย และอินเดีย) ยังเป็นประเทศที่มีประชากร HNWI เติบโตเร็วที่สุด
HNWIs ของสหรัฐไม่สนใจการลงทุนในตลาดต่างประเทศ
แม้ว่า HNWIs ในสหรัฐจะมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ แต่พอร์ตการลงทุนของ HNWIs ในสหรัฐยังคงมุ่งเน้นการลงทุนภายในประเทศมากกว่าในประเทศอื่นๆ
“ผลลัพธ์ก็คือ เราไม่ได้รับผลประโยชน์เต็มที่จากแหล่งรายได้ในต่างประเทศ” นายเบอร์แทรนด์ ลาเวย์ซิแอร์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการทางการเงินโลก บริษัทแคปเจมิไนกล่าว “แต่โดยรวมแล้วเรากำลังมองเห็น HNWIs ใช้กลยุทธ์ของ Ultra-HNWIs กันมากขึ้น และเริ่มที่จะปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอเพื่อเพิ่มการลงทุนในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากตลาดเหล่านั้นเริ่มที่จะให้ผลตอบแทนสูงขึ้นและค่าเงิน ดอลล่าร์สหรัฐมีความไม่แน่นอน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะการที่มี HNWIs ลงทุนในตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น”
การจัดสรรเงินลงทุนที่แข็งกร้าวแสดงให้เห็นว่า HNWIs เข้าไปลงทุนในประเทศอื่นนอกอเมริกาเหนือเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น รายงานพบว่า ในปีที่แล้ว HNWIs จัดสรรเงินทุนดุดันกว่าปี 2547 แม้ว่า HNWIs จะคงความหลากหลายเอาไว้เพื่อทำให้เกิดการป้องกันการลงทุนสูงสุด
HNWIs เพิ่มการลงทุนในหุ้นและทางเลือกอื่นๆ และคาดว่าราคาตราสารหนี้จะสูงขึ้นในอนาคต สำหรับทั่วโลกนั้น เงินลงทุนที่จัดสรรให้กับกองทุนส่วนบุคคลได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ให้ผลตอบแทนลดลงอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีที่แล้ว ทำให้ HNWIs ไม่นิยมลงทุน แม้ว่าอเมริกาเหนือจะเป็นภูมิภาคที่ HNWIs นิยมลงทุนมากที่สุดในโลก แต่ HNWIs ได้ลงทุนในอเมริกาเหนือน้อยลงและลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ในปี 2547 HNWIs เชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน้อยลง จึงลงทุนในอเมริกาเหนือน้อยลง แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะดีดตัวกลับมาในปี 2548 แต่นักลงทุนก็ได้ลดเงินทุนจัดสรรในอเมริกาเหนือลงเพราะได้ผลตอบแทนต่ำ ในขณะเดียวกัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้แซงหน้ายุโรป กลายเป็นภูมิภาคที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอันดับ 2 สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ โดยในปีที่แล้ว การลงทุนจากทั่วโลกมุ่งสู่เอเชียแปซิฟิก คิดเป็น 23% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของ HNWIs ทั่วโลก แม้ว่า ยุโรปจะถูกเอเชียแปซิฟิกแซงหน้าในปีที่แล้ว แต่ยุโรปก็มีสินทรัพย์การลงทุนคิดเป็น 22% ของ HNWIs ทั่วโลก ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของตลาดทุนของยุโรป ประกอบกับความก้าวหน้าในตลาดเกิดใหม่ภายในภูมิภาค ทำให้ HNWI ของยุโรปสนใจจัดสรรเงินทุนในตลาดท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้นเป็น 48% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2547
การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ยังต่อเนื่อง แต่คาดว่าจะคลายความร้อนแรง
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นและมีความกังวลว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะมี แนวโน้มตกต่ำลง แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงมี HNWIs เข้าไปลงทุนอย่างมากตลอดทั้งปี 2548 และแม้ว่าจะมีรายได้ต่ำกว่าปี 2547 มาก HNWIs ก็ยังคงลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2548 จากการสัมภาษณ์ HNWIs และผู้จัดการความสัมพันธ์กับ HNWIs จากหลายสถาบัน คาดว่า HNWIs จะเริ่มลดการจัดสรรเงินทุนเพื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2549
การวางแผนอนาคต
การวิจัยรายงานระบุว่า HNWIs จะยังคงจะนำสินทรัพย์ออกจากตลาดที่พัฒนาแล้วไปสู่ตลาดเกิดใหม่เนื่องจากมี การคาดการณ์อนาคตล่วงหน้าไว้แล้ว
นอกจากนี้ยังคาดว่าการลงทุนของ HNWIs ในอเมริกาเหนือและยุโรปจะยังคงตกต่ำลงใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจาก HNWIs จัดสรรเงินทุนไปสู่เอเชียแปซิฟิกและลาตินอเมริกา การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าสำหรับสินทรัพย์ต่างๆนั้น HNWIs มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความแข็งกร้าวให้กับพอร์ตโฟลิโอ โดยลดการใช้เงินสด/การฝากเงิน และตำแหน่งในอสังหาริมทรัพย์ของตน และนำกองทุนไปใช้ในตลาดตราสารทุนและการลงทุนทางเลือก
“การที่ HNWIs มีความสนใจการลงทุนในต่างประเทศสูงขึ้น และลงทุนในหุ้นและการลงทุนทางเลือกมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไม่ได้กลายเป็นนักลงทุนที่ มีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น พวกเขายังแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในการที่จะประสบผลสำเร็จเรื่องผล ตอบแทนเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับในปี 2546 และ 2547” นายลาเวย์ซิแอร์กล่าว
เกี่ยวกับเมอร์ริล ลินช์
เมอร์ริล ลินช์เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ ตลาดทุนและให้คำปรึกษาระดับชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก โดยมีสำนักงานในประเทศและอาณาเขตต่างๆ 36 แห่ง และมีสินทรัพย์ของลูกค้าคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในฐานะวาณิชธนกิจ เมอร์ริล ลินช์เป็นเทรดเดอร์และอันเดอร์ไรท์เตอร์ระดับชั้นนำของโลกที่ทำการอันเดอร์ ไรท์หลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ในกลุ่มประเภทสินทรัพย์ต่างๆ และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้กับบริษัท รัฐบาล สถาบัน และนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ด้วยการดำเนินงานผ่าน Merrill Lynch Investment Managers เมอร์ริล ลินช์จึงเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ทางการเงินรายใหญ่ที่สุดของโลกรายหนึ่ง โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารคิดเป็นมูลค่ารวม 5.81 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมอร์ริล ลินช์ กรุณาดูที่ www.ml.com
เกี่ยวกับแคปเจมิไน
แคปเจมิไน หนึ่งในผู้ให้บริการที่ปรึกษา, เทคโนโลยีและเอาท์ซอร์สซิ่งระดับชั้นนำของโลก มีวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ในการทำงานกับลูกค้า ซึ่งแคปเจมิไนเรียกว่าเป็น ประสบการณ์ทางธุรกิจร่วมกัน (Collaborative Business Experience) ด้วยพันธะสัญญาต่อความสำเร็จร่วมกันและความสำเร็จของมูลค่าที่จับต้องได้ แคปเจมิไนจึงช่วยธุรกิจต่างๆในการดำเนินแผนกลยุทธ์การขยายตัว ใช้เทคโนโลยี และพัฒนาจนประสบความสำเร็จผ่านพลังแห่งการผสานความร่วมมือ ปัจจุบัน แคปเจมิไนมีพนักงานประมาณ 61,000 คนทั่วโลก และมีรายได้ทั่วโลก 6,954 ล้านยูโรในปี 2548
วิธีปฏิบัติในการบริหารสินทรัพย์ของแคปเจมิไนคือการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลูกค้าพัฒนาและดำเนินการตามแผนกลยุทธ์การขยายตัวแบบนวัตกรรม และประสบความสำเร็จในการดำเนินโซลูชั่นการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า, เวิรคสเตชั่นของที่ปรึกษาสินทรัพย์, สินค้า “ที่ดูแลด้วยตนเอง” และ “บริการครบครัน” บนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งระบบ front office และ back office สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริการส่วนบุคคล, สำนักงานและการวิจัย กรุณาเข้าไปดูที่ www.capgemini.com/financialservices
หากต้องการสำเนารายงาน World Wealth Report ประจำปี 2006 รวมทั้งข้อมูลระดับภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น กรุณาดูที่ www.capgemini.com/worldwealthreport
ติดต่อ: แคปเจมิไน:
อเมริกาเหนือ
ไมเคิล แมคนามารา, +1 212-317-8281
michael.mcnamara@capgemini.com
หรือ
ระหว่างประเทศ
คาเรน โคเฮน, +1 516-607-9652
karen.cohen@capgemini.com
หรือ
เมอร์ริล ลินช์:
อเมริกาเหนือ
เอริค เฮนด์ริคสัน, +1 212-449-7293
erik_hendrickson@ml.com
หรือ
EMEA
ซาร่า-หลุยส์ บัวเยส, +44 207-996-3557
saralouise_boyes@ml.com


