วันที่ สึนามิ พัดพาชีวิตนับแสนจมหายไปกลางทะเล …ใคร ๆ พากันบอกว่า นี่คือความโหดร้ายสุด ๆ ….แต่สิ่งที่เศร้ายิ่งกว่าในวันนี้ คือ ชีวิตที่เหมือนไร้ฝันของผู้ที่ยังมีลมหายใจ !
ในประเทศไทย พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตกทั้ง 6 จังหวัด ตั้งแต่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง จนถึงสตูล มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนถึง 58,550 คน 12,480 ครอบครัว มีผู้เสียชีวิตรวม 5,395 คน สูญหาย 2,991 คน และมีเด็กกำพร้ารวม 880 คน
ชุมชน “บ้านคลองยาง” “บ้านโละใหญ่” ในจังหวัด กระบี่ กับ “บ้านคึกคัก” และ “บ้านเทพประธาน” ในจังหวัดพังงา เป็นชุมชนริมฝั่งทะเล ที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของชาวประมงในวันที่สายรุ้งยังสดใส เด็ก ๆ ยังคงไปโรงเรียนอย่างยิ้มแย้ม ขณะที่ทุกเช้าพ่อแม่พากันนั่งเรือออกไปทำประมง กระชังปลา จับกุ้งปู รอกปลาหมึก ส่วนคนเฒ่าคนแก่ก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกหลาน และช่วยงานบนฝั่ง
แต่ ทุกอย่างเปลี่ยนไปพร้อมกับคลื่นยักษ์สูงกว่า 10 เมตร …วันนี้ เศรษฐีกับชาวบ้านนั่งเก้าอี้ไม้เสมอกัน และครอบครัวที่รอดชีวิตต้องรับรู้ถึงความขมขื่นที่ยิ่งกว่า
หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรกลุ่มต่างๆ หลายแห่ง ได้ออกมารณรงค์ให้ทุกฝ่ายช่วยเหลือร่วมกัน เพื่อให้สังคมเล็ก ๆ เหล่านี้ที่เป็นฟันเฟืองของประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ โดยล่าสุด “โครงการกองทุนจีเอสเค เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาชุมชน” ของ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น หรือ จีเอสเค ก็ได้ระดมเงินช่วยเหลือเบื้องต้นร่วม 10 ล้านบาทจากทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อใช้ในการดำเนินการและช่วยเหลือไปสู่ 4 หมู่บ้านในพื้นที่ จ. กระบี่และ จ. พังงา
ความทุกข์ที่หนักที่สุด คือ ทุกข์ของผู้รอดชีวิตที่ต้องสูญเสีย บางรายไม่เหลืออะไรให้ฝันต่อ ….เสียครอบครัว เสียทรัพย์สิน ถูกหลอนด้วยภาพเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายตลอดเวลา บางคนไม่สามารถเข้าใกล้ทะเลได้อีกเลย ไม่น้อยที่ตั้งสติไม่อยู่จนเป็นโรคซึมเศร้า…การช่วยเหลือจึงต้องมีทั้งเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง และเรื่องของจิตใจ ที่สำคัญคือเราต้องใช้หัวใจช่วยกู้ชีวิตให้พวกเขาฟื้นกลับมาให้ได้
นายริค เกน กรรมการผู้จัดการ บริษัทแกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ จีเอสเค ผู้สนับสนุน “โครงการกองทุนจีเอสเค เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาชุมชน” เปิดเผยว่า “จีเอสเค ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิทั่วโลก …ในประเทศไทย จีเอสเค ได้มอบเงินทุนผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้ชาวบ้านใน 4 ชุมชนหลักนี้ได้แก่ “บ้านคลองยาง” “บ้านโละใหญ่” ในจังหวัด กระบี่ กับ “บ้านคึกคัก” และ “บ้านเทพประธาน” ในจังหวัดพังงา …. นำไปพัฒนาอาชีพ ให้พวกเขาจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารเงินทุนหมุนเวียนภายในกลุ่มตามที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับชุมชน “กองทุน” เหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถ “ฝันต่อ” ได้ วางแผนชีวิตในอนาคตได้ ..ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ส่วนด้านการ “ฟื้นฟูจิตใจ” เรามีโครงการช่วยเหลือให้เยาวชนจัดตั้งกลุ่มและพัฒนาแผนงานร่วมกัน สร้างเยาวชนให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแกร่ง ให้เป็นผู้นำของครอบครัวและชุมชนได้ในอนาคต”
วันนี้ รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากของกลุ่มชาวบ้านเริ่มปรากฏให้เห็น พวกเขาเริ่มลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ไม่ต้องนอนเต้นท์และคอยเงินช่วยเหลือไปวัน ๆ …มีทางให้ฝันต่อ และมีอนาคตให้ก้าวเดินต่อไปเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
“แต่ก่อนมีเรือเก่า ลำเล็ก ออกหาปลาไม่ได้ เคยเกยติดในป่าโกงกาง 2 คืน กว่าจะมีคนช่วยออกมาได้ ตอนนี้ชีวิตดีขึ้น มีอาชีพที่ดีขึ้น ได้เรือใหม่แล้ว ได้เครื่องยนต์ใหม่ด้วยทำให้ไม่ต้องออกไปรับจ้างคนอื่นอีก ในอนาคตจะนำเงินที่เก็บได้จากการทำประมงไปลงทุนทำการเกษตรต่อ ครอบครัวของเราจะได้มั่นคงยิ่งขึ้น” นางวรรณดี เพริดพร้อม สมาชิกกองทุนบ้านคลองยาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กล่าว
นายนพดล หวังเสล่ ประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ บ้านคลองยาง จ.กระบี่ ร่วมเปิดใจว่า “ก่อนเกิดสึนามิ การทำมาหากินสะดวก จับปลา ทำประมง ปลากระชัง ได้ พอเกิดสึนามิอุปกรณ์ประมงของชุมชนเราเสียหาย แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย …เงินพัฒนาชุมชนที่ได้รับนี้ทำให้เราทำอาชีพได้อีกครั้ง พอเลี้ยงปากท้องได้แล้ว และหาตลาดใหม่ ๆ จะได้ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ถึงตอนนั้นน่าจะทำให้พวกเราอยู่ได้และมีทางเลือกในการขายปลาได้มากขึ้น”
“วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ดีขึ้นเยอะครับ อย่างน้อยพวกเราก็มีโอกาสสร้างงานเป็นของตัวเองจากกองทุนนี้ครับ” นายสุไลหมาน ปราบเภท สมาชิกองทุนบ้านโละใหญ่ จ.กระบี่ กล่าว
ด้านนางร้อหร๊า โกบกุล ผู้มีสมาชิกในครอบครัวให้ดูแลถึง 9 คน เปิดใจว่า “ถ้าวันไหนหาปลาไม่ได้ลูกก็ไม่ได้กินข้าวกลางวัน หรือกินข้าวกับน้ำปลาตอนเย็นที่บ้าน …ฝันอยากให้ลูกทุกคนได้เรียนหนังสือต่อสูง ๆ อยากจะทำให้ครอบครัวมันดีเหมือนเดิม อยากจะทำค้าขายนะแหละ …แต่มันไม่มีทุน”
นายวิรัตน์ ประภาศ ประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ บ้านคึกคัก จ.พังงา และเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิกล่าวว่า “ชุมชนที่นี่เดิมอยู่ที่แหลมปะการัง พวกเราต้องย้ายมาที่อยู่ใหม่ เพราะบ้านเรือนถูกคลื่นกวาดหายไปหมด เวลาจะออกประมงต้องเดินทางไปที่แหลมปะการังถิ่นบ้านเดิมของเรา …ชีวิตคนที่นี่เปลี่ยนไปมากครับ ต้องค่อย ๆ ปรับตัว ความเป็นอยู่และสภาพจิตใจจากวันนั้นดีขึ้นบ้าง อยากจะเห็นสมาชิกในกลุ่มของเรากลับมายิ้มได้ สดใสอีกครั้ง ก็หวังว่ากองทุนตรงนี้จะคืนรอยยิ้มกลับมาให้พวกเราอีกครับ”
“ผลกระทบหลัง สึนามิ มันเป็นผลพวงลูกโซ่ ปลาในทะเลน้อยลง ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องค่าเล่าเรียนลูก ๆ ..ที่เรามีวันนี้ เติบโตได้มาถึงวันนี้ก็เพราะเงินช่วยเหลือนี้ทำให้เรายืนได้ด้วยลำแข้ง ปัญหาของชุมชนจริง ๆ คือติดหนี้นายทุน ซึ่งเราก็พยายามสร้างรายได้จากกองทุนตรงนี้เพื่อนำไปใช้หนี้นายทุนด้วย” นายอนันต์ หมั่นเพียร ประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ บ้านโละใหญ่ จ.กระบี่ กล่าว
โครงการกองทุนจีเอสเคเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาชุมชน มีเป้าหมายช่วยให้ผู้ประสบภัยสึนามิสามารถกลับมามีอาชีพที่มั่นคงและยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเองอีกครั้ง รวมทั้งให้โอกาสชาวบ้านได้มีเงินทุนไปสร้างงานสร้างอาชีพเป็นของตนเอง โดยให้คณะกรรมการของแต่ละชุมชนเป็นผู้บริหารและจัดสรรเงินทุนให้กับลูกบ้านตามความเหมาะสม ในรูปแบบของเงินกู้ยืมระยะยาว เพื่อรักษาเงินต้นทุนไว้กับชุมชน และหมุนเวียนไปถึงครอบครัวต่าง ๆ ได้อีก ในขณะที่เงินช่วยเหลือบางส่วนจะนำไปช่วยพัฒนาอาชีพและความเป็นผู้นำให้กับเยาวชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนต่อไป
…วันนี้ ยังมีอีกหลายหมู่บ้าน หลายชุมชน ทั้งที่อยู่ห่างไกล บนเกาะกลางทะเล หรืออาจแฝงตัวอยู่ในสถานที่ซึ่งคึกคัก แต่ที่จริงแล้วข้างในเงียบงันกว่าที่คนภายนอกจะมองรู้ พวกเขายังรอคอยน้ำใจ และการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมสังคมทุกคน …
มาช่วยกู้ชีวิตเพื่อนชาวไทยบนซากสึนามิกันเถอะ…
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ภรณ์ธณัฐ สถิรกุล หรือ ปวีณา ภานุศุภวิมล
ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์
บริษัท กู๊ด มอร์นิ่ง มันเดย์ จำกัด
โทร . 02-953-9624-5 ต่อ 807



