สนช. จับมือไอทีซี หนุนส่งออกเกษตรอินทรีย์ไทยสู่ยุโรป

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พาณิชยกรรมระหว่างประเทศ (ITC) ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ในการเสนอแผนปฏิบัติการระดับชาติ 7 ด้านเพื่อสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์อินทรีย์สู่สหภาพยุโรป ซึ่งกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการทั้ง 7 ข้อนั้น ได้แก่ การขยายฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ การเพิ่มขีดความสามารถและปรับปรุงโครงสร้างของระบบควบคุมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น การให้ความสำคัญกับการวิจัยเกษตรอินทรีย์ การปรับปรุงและยกระดับงานบริการทั้งด้านฝึกอบรมและงานส่งเสริมสำหรับเกษตรกร การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศ การขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ และการทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเชื่อมต่อวาระแห่งชาติด้านเกษตรอินทรีย์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทยในการขึ้นทะเบียนอยู่ใน Third Countries list ของสหภาพยุโรป ซึ่งการขึ้นทะเบียนดังกล่าว จะช่วยให้ระบบส่งออกเกษตรอินทรีย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะยิ่งช่วยกระตุ้นตลาดการส่งออกอีกด้วย

ปัจจุบันตลาดของผลิตภัณฑ์อินทรีย์ในสหภาพยุโรปมีมูลค่าประมาณ 23 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเจริญเติบโตสูงถึงร้อยละ 145 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 แต่อุปสรรคสำคัญของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อินทรีย์ คือ กฎระเบียบข้อบังคับด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารของสหภาพยุโรปที่มีความเข้มงวดมาก

ดร. ประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกล่าวในการประชุมระดมความคิดเห็น “การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย” ว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพร้อมหนุนแผนปฏิบัติการนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเกษตรอินทรีย์นั้นมีหลักคิดที่สอดคล้องตามแนวพระราชดำรัส “เศรษฐกิจพอเพียง” หากมีการดำเนินการเชิงบูรณาการด้านเกษตรอินทรีย์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ การส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยหันมาทำเกษตรอินทรีย์โดยอาศัยองค์ความรู้มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทางสหภาพยุโรปและ ITC สำหรับการสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่ในการทำให้ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์อินทรีย์และผู้บริโภคในสหภาพยุโรปเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อินทรีย์จากประเทศไทย

นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. เสริมว่า ศักยภาพในการส่งออกเกษตรอินทรีย์สู่สหภาพยุโรปค่อนข้างสูง ดังนั้น สนช. จึงพร้อมที่จะสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านเกษตรอินทรีย์ทั้งสารสกัดจากพืช และผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ไม่ใช่อาหารให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังหวังว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคด้านเกษตรอินทรีย์