สตาร์บัคส์ประกาศความเสร็จในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2550

ซีแอตเทิล–(บิสิเนส ไวร์)

ผู้นำระดับสูงยืนยันการเติบโตในอนาคตด้วยการเปิดสาขาใหม่ 10,000 แห่งในอีก 4 ปีข้างหน้า

วันนี้ บริษัทสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (Nasdaq:SBUX) ได้ต้อนรับผู้ถือหุ้นกว่า 5,000 คน รวมทั้งแขกพิเศษคือ ฯพณฯ พอล คากามี ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐรวันดาในวาระที่เดินทางเยือนซีแอตเทิลเพื่อร่วมการประชุมประจำปี 2550 ของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีผู้ร่วมประชุมอีกหลายพันคนผ่านทางการถ่ายทอดเสียงสดทางเว็บ นายโฮเวิร์ด ชูลท์ซ ประธานคณะกรรมการบ.สตาร์บัคส์ขึ้นบนเวทีพร้อมกับนายจิม โดนัลด์ ประธานและซีอีโอ และนายมาร์ติน โคลส์ ประธานสตาร์บัคส์ อินเตอร์เนชันแนล เพื่อสรุปผลประกอบการประจำปีงบการเงิน 2549 ของบริษัท ตอกย้ำความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วในปีงบการเงิน 2550 และยืนยันแผนกลยุทธ์ การขยายตัว และวิสัยทัศน์ของสตาร์บัคส์สำหรับอนาคต นายชูลท์ซได้เปิดการประชุมด้วยการระบุถึงสิ่งที่ทำให้สตาร์บัคส์แตกต่างและส่งให้สตาร์บัคส์เป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับสูงสุดเป็นอันดับ 2 (Most Admired Companies) จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน

“ความสำคัญของสิ่งที่เราต้องการแบ่งปันกับคุณในวันนี้ก็คือการมองในแง่บวก และพันธะสัญญาของบริษัทต่อคุณค่าและหลักการแนวทางขณะที่เราเติบโตขึ้น” นายโฮเวิร์ด ชูลท์ซ ประธานกล่าว “เราได้สร้างความสัม พันธ์ทางความรู้สึกกับทั้งลูกค้าและหุ้นส่วน ซึ่งทำให้เกิดประสบการณ์สตาร์บัคส์ที่มีความสัมพันธ์ในยุโรปและในเอเชียมากเท่าๆกับในซีแอตเทิล”

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2549 ตอกย้ำพันธะสัญญาต่อการขยายตัวในปี 2550 และปีต่อๆไป
นายจิม โดนัลด์ ประธานและซีอีโอได้สรุปผลการดำเนินงานของสตาร์บัคส์ประจำปีงบการเงิน 2549 และไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2550 เขาได้ให้ความสำคัญกับผลงานความเสร็จในการบริหารงานของบริษัทในปีงบการเงิน 2549 ดังที่เห็นได้จากยอดรวมรายรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น 22% เป็น 7.8 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 14% เป็น 564 ล้านดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 25% สำหรับปีนั้น ส่วนในไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2550 มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้น 22% สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 205 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2549

บริษัทยังประสบความสำเร็จในการบริหารแผนงานเพื่อเพิ่มร้านเป็น 40,000 สาขาทั่วโลก โดยวางแผนจะเปิดสาขาใหม่ 10,000 แห่งในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยทั้งในปีงบการเงิน 2549 และไตรมาสแรกปีงบการเงิน 2550 มีการเปิดสาขาใหม่มากเป็นประวัติการณ์ โดยมีการเปิดสาขา 2,199 แห่งและ 728 แห่งตามลำดับ

ในปีงบการเงิน 2550 สตาร์บัคส์ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จในปีก่อนๆ และจะผลักดันการให้ความสำคัญกับการขยายกิจการอีกครั้ง

— เป้าหมายการขยายสาขาสุทธิคือ 2,400 สาขา ซึ่งรวมถึง 700 สาขาในต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาตั้งแต่สิ้นปีงบการเงิน 2549

— เป้าหมายอัตราการเติบโตของยอดขายของสาขาที่เปรียบเทียบได้จะยังคงอยู่ในช่วง 3-7%

— คาดว่ายอดรวมรายรับสุทธิจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20%

— คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ในช่วง 0.87-0.89 ดอลลาร์ตามผลประกอบการในไตรมาสแรก และแนวโน้มปัจจุบันสำหรับงบดุลของปี

ผลประกอบการในสหรัฐและต่างประเทศยังคงเติบโตแข็งแกร่ง

ผลการดำเนินงานประจำปีงบการเงิน 2549 ของบริษัทอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยนายโดนัลด์ได้ย้ำความสำเร็จของสหรัฐในด้านรายรับสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานดังต่อไปนี้

— ยอดรวมรายรับสุทธิในสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 6.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% จากปีงบการเงิน 2548
— รายได้จากการดำเนินงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 955 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2549 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีงบการเงิน 2548
— รายรับจากธุรกิจค้าปลีกที่ดำเนินงานโดยบริษัทเพิ่มขึ้น 21% เป็น 5.5 พันล้านดอลลาร์
— รายรับจากสินค้าเฉพาะในสหรัฐเพิ่มขึ้น 22% เป็น 683 ล้านดอลลาร์

นายมาร์ติน โคลส์ ประธานสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ อินเตอร์เนชันแนลได้กล่าวสรุปความสำเร็จทางการเงินของสตาร์บัคส์ อินเตอร์เนชันแนล ดังนี้

— ยอดรวมรายรับสุทธิอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2549 เพิ่มขึ้น 27% จากปีงบการเงิน 2548
— อัตราการเติบโตของยอดขายของสาขาที่เปรียบเทียบได้อยู่ที่ 8% และมีรายได้จากการดำเนินงาน 108 ล้านดอลลาร์ในปีนั้น
— มีความสามารถในการทำกำไร 14 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว
— การซื้อหุ้นเสร็จสมบูรณ์ในปีงบการเงิน 2549 จากหุ้นที่ยังเหลืออยู่ 95% ของสาขาสตาร์บัคส์ในฮาวายและเปอร์โตริโก
— การซื้อหุ้น 90% ของบริษัทที่ได้ใบอนุญาตแล้วในกรุงปักกิ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งการซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้สตาร์บัคส์ถือหุ้นใหญ่ในการดำเนินงานในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญ ก่อนถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008

“สตาร์บัคส์ อินเตอร์เนชันแนลยังคงดำเนินตามแผนกลยุทธ์ 5 ปีของเรา และกำลังแสดงให้เห็นอย่างชัด เจนว่า แบรนด์สตาร์บัคส์ยังใช้งานได้ไม่ว่าจะอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มาดริด เม็กซิโกซิตี้ ลอนดอน หรือลอสแองเจลิส” นายโคลส์กล่าว “กาแฟที่ยอดเยี่ยม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน และพันธะสัญญาของเราต่อประชาคมมีความเกี่ยวพันกันในระดับสากล”

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคทั่วโลก
ในปี 2549 ลูกค้าของสตาร์บัคส์ได้ให้การตอบรับสินค้าของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคทั่วโลก (CPG) ของบริษัทเป็นอย่างดี โดย CPG เป็นคอลเลคชั่นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์กาแฟและชาพร้อมดื่มบรรจุซอง ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายประสบการณ์สตาร์บัคส์ไปยังลูกค้าได้ตลอดเวลาและทุกที่ที่พวกเขาเลือก

นายโดนัลด์ได้กล่าวสรุปความสำเร็จในปีงบการเงิน 2549 ของ CPG ดังนี้
— มียอดรายรับสุทธิ 305 ล้านดอลลาร์
— รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 167 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 131 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2548
— แนะนำกาแฟภายใต้แบรนด์สตาร์บัคส์ใน 2 ประเทศใหม่ คือ เกาหลีและสหราชอาณาจักร
— แนะนำ DoubleShot(R) รวมทั้ง Frappuccino(R) แบบขวดของสตาร์บัคส์ ในประเทศเกาหลี

ความสำเร็จเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจอย่างแตกต่าง
“สตาร์บัคส์ประสบความสำเร็จเพราะเราสามารถบรรลุผลประกอบการทางการเงิน ขณะที่รักษาแนวทางการทำธุรกิจที่แตกต่างได้ เราประกอบธุรกิจในลักษณะที่ผลักดันความแข็งแกร่งทางการเงิน และสะท้อนความเข้า ใจของเราถึงผลกระทบที่เรามีต่อโลกของเรา” นายโดนัลด์กล่าว “โอกาสของสตาร์บัคส์จะขยายตัวต่อไป เราได้กำหนดและได้ทำตามเป้าหมายการเติบโตเชิงรุกแล้ว เราจะรักษาพันธะสัญญาของเรา และจะทำหน้าที่ต่อ ไป ส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้เกิดอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริษัท”

ในระหว่างการประชุม นายชูลท์ซ นายโดนัลด์ และนายโคลส์ ต่างก็เน้นย้ำพันธะสัญญาที่มั่นคงของสตาร์บัคส์ต่อโครงการริเริ่มทั่วโลกซึ่งจะสร้างความแตกต่างให้แก่คนทั่วโลก

“การทำธุรกิจในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนสำคัญของหลักการแนวทางและความสำเร็จต่อเนื่องของเรา” นายโดนัลด์กล่าว “พันธะสัญญาและความปรารถนาของสตาร์บัคส์ที่จะทำให้โลกดีขึ้นนั้นสามารถเห็นได้จากโครงการต่างๆที่เราดำเนินการทั่วโลก”

ปีงบการเงิน 2549 นับเป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญสำหรับสตาร์บัคส์ และบทบาทต่อประชาคมต่างๆทั่วโลก โดยนายโดนัลด์ได้ระบุถึงความสำเร็จ ดังต่อไปนี้

— บริจาคเงิน 36.1 ล้านดอลลาร์สมทบมูลนิธิและองค์กรไม่แสวงผลกำไรทั่วโลกในปี 2549

— แผนริเริ่มน้ำสะอาดระยะเวลาหลายปีแผนใหม่ 2 แผนในสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และเมนเก วอเรดา (Menge Woreda) ประเทศเอธิโอเปีย โดยสัญญาจะมอบเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์จากกองทุนน้ำเอโธส (Ethos Water Fund)

— โครงการการศึกษาในจีน ซึ่งจะฝึกอบรมครูกว่า 3,000 คนในระยะเวลา 3 ปี

นับเป็นการตอกย้ำการทุ่มเทต่อเนื่องของสตาร์บัคส์ เมื่อนายโดนัลด์ยังได้บรรยายถึงแผนริเริ่มด้านน้ำฉบับใหม่ 2 แห่งที่ประกาศไปเมื่อไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อน โดยโครงการในทั้งอินเดียและเคนยาได้รับเงิน 1 ล้านดอล ลาร์จากกองทุนน้ำเอโธสเพื่อช่วยปรับปรุงการเข้าถึงน้ำและการรักษาสุขอนามัยในชุมชนต่างๆของทั้ง 2 ประ เทศ

สตาร์บัคส์เชื่อมั่นอย่างยิ่งในความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟและกลุ่มประชาคมกาแฟ ความสำเร็จของเกษตรกรที่จัดจำหน่ายกาแฟให้แก่สตาร์บัคส์นั้นเป็นองค์ ประกอบที่สำคัญของความสำเร็จของบริษัทเอง เนื่องจากนั้นช่วยรับรองว่ากาแฟคุณภาพดีที่สุดจะมีการให้บริ การอย่างต่อเนื่อง สตาร์บัคส์ให้ความสำคัญกับการใช้แนวทางร่วมต่อการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มประชาคมกาแฟ

ความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นในการซื้อกาแฟที่มีความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นนับเป็นคุณสมบัติเด่นที่สำคัญของการนำเสนอของนายโดนัลด์ โดยเหตุการณ์สำคัญในปีงบการเงิน 2549 ได้แก่

— มีการรับซื้อกาแฟจำนวน 155 ล้านปอนด์จากกลุ่มผู้จัดจำหน่ายที่ผ่านการรับรองในกลุ่ม Coffee and Farmer Equity (C.A.F.E.) ซึ่งเท่ากับ 53% ของการซื้อเมล็ดกาแฟดิบของสตาร์บัคส์

— มีการรับซื้อกาแฟจำนวน 18 ล้านปอนด์จาก Fair Trade Certified(TM) หรือเท่ากับ 6% ของการซื้อกาแฟทั้งหมดของบริษัท จึงทำให้สตาร์บัคส์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่สุดของ Fair Trade Certified(TM) ในอเมริกาเหนือ

— ยังคงมีการมอบ Starbucks Black Apron Exclusives(TM) ซึ่งส่งเสริมกาแฟพิเศษที่ผ่านการตรวจแล้ว และมอบรางวัลเงินสดให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก โดยเกษตรกรจะใช้เงินทุนดังกล่าวไปทำการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถปรับปรุงคุณภาพกาแฟและเพิ่มศักยภาพที่จะมีกำไรเพิ่มขึ้น

นายโดนัลด์ยังได้วางเป้าหมายในอนาคตของสตาร์บัคส์ที่จะซื้อกาแฟจาก C.A.F.E. Practices “เราตระหนักถึงความรับผิดชอบของเราต่อประชาคมที่เราดำเนินธุรกิจ และต่อไร่และประชาคมที่เป็นแหล่งกาแฟของเรา” นายโดนัลด์กล่าว “ภายในปี 2556 เราตั้งใจจะซื้อกาแฟ 80% ของเราจากผู้จัดจำหน่ายที่ผ่านการรับรองจาก C.A.F.E. Practices”

ยังคงอยู่ในช่วง “ยุคเริ่มต้น” ของการเติบโต
นายชูลทซ์ได้สรุปสาระของการประชุมประจำปีด้วยการย้อนกลับไปที่แนวคิดที่พวกเขาได้แบ่งปันหลายครั้งมาแล้ว “ผมมายืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าพวกคุณในอดีต และกล่าวว่า เรากำลังอยู่ในบทเริ่มต้นของการเติบโตของสตาร์บัคส์ ผมก็ยังคงเชื่ออย่างนั้นในวันนี้ นี่ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น”

เกี่ยวกับสตาร์บัคส์
บ.สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ มอบช่วงเวลาแห่งความสุนทรีย์ให้แก่ชีวิตด้วยกาแฟแก้วพิเศษของสตาร์บัคส์ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับเราได้ที่www.starbucks.com

สตาร์บัคส์เปิดเผยรายงานประจำปีแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรในวันนี้
วันนี้ สตาร์บัคส์ยังได้เปิดเผยรายงานประจำปีแสดงความรับผิดชอบทางสังคมขององค์กร (CSR) ฉบับที่ 6 ซึ่งเป็นการทบทวนผลการดำเนินงานและแผนริเริ่มด้านความยั่งยืนทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของบริษัทสำหรับปีงบการเงิน 2549 โดยเผยแพร่ผ่านระบบออนไลน์ที่ www.starbucks.com/csrannualreport ซึ่งรายงานฉบับนี้จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่มีเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการซื้อกาแฟของสตาร์บัคส์, การขยายกิจการและผลกระทบต่อประชาคม, แผนกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศ, แผนริเริ่มด้านสุขภาพและการมีสุขภาพดี และระเบียบปฏิบัติในที่ทำงาน เนื่องจากใช้วิดีโอ, ภาพถ่ายและเทคโนโลยี flash รายงานของปีนี้จึงมีความเป็นอินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น และน่าสนใจมากกว่าก่อนอย่างมาก ในเดือนเม.ย.นี้ รายงานฉบับย่อที่เน้นประเด็นด้าน CSR ที่มีความสำคัญมากที่สุดของบริษัทนั้น จะมีการเผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นภาษาสเปน ญี่ปุ่น จีนตัวย่อ จีนตัวเต็ม และอะราบิก

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับแนวโน้มหรือการคาดการณ์เกี่ยวกับการเปิดร้าน, ยอดขายของสาขาที่เปรียบเทียบได้, รายรับสุทธิ และผลกำไรต่อหุ้น ข้อความเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงตามข้อมูลการดำเนินงาน, การเงินและการแข่งขันเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ผลการดำเนินงานที่แท้จริงในอนาคตและทิศทางจึงอาจแตกต่างไปอย่างมากโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยๆต่าง ซึ่งได้แก่แต่ไม่จำกัดเฉพาะ กาแฟ, ฟาร์มนมและราคาวัตถุดิบอื่นๆและการมีวัตถุดิบในมือ, ความสำเร็จในการปฏิบัติตามแผนการดำเนินงานภายในและการขยายกิตการ, ความผันผวนของเศรษฐกิจและค่าเงินของสหรัฐและต่างประเทศ, ผลกระทบจากแผนริเริ่มของคู่แข่ง, ผลกระทบของกระบวนการทางกฎหมายและความเสี่ยงอื่นๆที่มีการแจกแจงรายละเอียดไว้ในเอกสารที่บริษัทได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรม การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรวมถึงหมวด “ปัจจัยเสี่ยง” ในรายงานประจำปีของสตาร์บัคส์ในเอกสาร Form 10-K สำหรับปีงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค.2549 บริษัทไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใดๆในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้

ติดต่อ: บ.สตาร์บัคส์ คอฟฟี่
206-318-7100
[email protected]
http://www.businesswire.com/cnn/sbux.shtml