อาร์มองค์, นิวยอร์ก—(บิสิเนส ไวร์)—17 เม.ย.2550
— บริษัทมีรายรับรวม 2.20 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% ตามที่รายงานก่อนหน้านี้
— กำไรต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 1.21 ดอลลาร์จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ เพิ่มขึ้น 12% ตามที่รายงาน
— ผลกำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกันเมื่อเทียบเป็นรายปี
บริษัทไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ประกาศในวันนี้ว่า กำหรต่อหุ้นปรับลดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 อยู่ที่ 1.21 ดอลลาร์จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ เพิ่มขึ้น 12% ตามที่รายงานไว้ เทียบกับกำไรต่อหุ้นปรับลดที่ 1.08 ดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 รายได้จากการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 1.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 ช% โดยรายรับรวมในช่วงไตรมาสแรกปี 2550 ที่ 2.20 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น เพิ่มขึ้น 7% (4% เมื่อปรับตามค่าเงิน) จากไตรมาสแรกปีก่อน
ซามูเอล เจ. พาลมิซาโน ประธานกรรมการ ประธาน และซีอีโอของบริษัทไอบีเอ็มกล่าวว่า “ผลประกอบการที่น่าพอใจของไอบีเอ็มในช่วงไตรมาสดังกล่าวแสดงถึงความครอบคลุมของศักยภาพในระดับโลกของเรา ความได้เปรียบของรูปแบบทางธุรกิจของเรา และความสนใจของเราต่อการขยายตัวที่สามารถทำกำไร เรายังคงมีการขยายตัวของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจของพวกเขาได้ เรามีผลกำไรและผลประกอบการเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และยังคงมีเงินสดจำนวนมากจากการดำเนินงาน นี่ทำให้เรามีศักยภาพด้านการเงินอย่างมากในการที่จะเสริมความแข็งแกร่งแก่สถานภาพของเราในภาคการขยายตัวที่มีความสามารถในการทำกำไร และเพื่อที่จะสร้างมูลค่าต่อไปสำหรับนักลงทุนของเรา”
เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค ธุรกิจในทวีปอเมริกาในช่วงไตรมาสแรกมีรายรับ 9.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% ตามรายงาน (1% เมื่อปรับค่าเงิน) จากปี 2549 ส่วนรายรับจากยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกาอยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% (5% เมื่อปรับค่าเงิน) ขณะที่เอเชีย-แปซิฟิคมีรายรับเพิ่มขึ้น 10% (9% เมื่อปรับค่าเงิน) สู่ 4.5 พันล้านดอลลาร์ และรายรับจากกลุ่ม OEM อยู่ที่ 828 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5%จากไตรมาสแรกปี 2549
รายรับจากการบริการระดับโลกรวมขยายตัว 8% (4% เมื่อปรับค่าเงิน) รายรับภาคบริการธุรกิจระดับโลกเพิ่มขึ้น 9% (6% เมื่อปรับค่าเงิน) สู่ระดับ 4.2 พันล้านดอลลาร์ และรายรับจากการบริการเทคโนโลยีระดับโลกเพิ่มขึ้น 7% (4% เมื่อปรับค่าเงิน) สู่ระดับ 8.3 พันล้านดอลลาร์ ไอบีเอ็มได้ลงนามสัญญาด้านการบริการมูลค่าร่วม 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี และปิดท้ายไตรมาสแรกด้วยผลิตภัณฑ์ด้านการบริการจำนวนมาก ซึ่งรวมถึง การจ้างบริการจากหน่วยงานอื่น (Strategic Outsourcing), บริการจากหน่วยงานอื่นเพื่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ (Business Transformation Outsourcing) , บริการธุรกิจทั่วโลก, บริการเทคโนโลยีแบบครบวงจรและการซ่อมบำรุง คิดเป็นมูลค่า 1.15 แสนล้านดอลลาร์
รายรับจากกลุ่มระบบและเทคโนโลยี (S&TG) มีมูลค่ารวม 4.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 2% (ทรงตัวเมื่อปรับค่าเงิน) โดยรายรับของกลุ่ม S&TG จากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ System z เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการส่งมอบการใช้กำลังประมวลผล System z ซึ่งมีหน่วยเป็น MIPS (ล้านคำสั่งต่อวินาที) เพิ่มขึ้น 9% ขณะที่รายรับจากเซิร์ฟเวอร์ System p UNIX เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายรับจากเซิร์ฟเวอร์ System x เพิ่มขึ้น 7% แต่รายรับจากเซิร์ฟเวอร์ System i ลดลง 13% ส่วนรายรับจาก Microelectronics ลดลง 7% และรายรับจาก System Storage ลดลง 1%
รายรับจากธุรกิจซอฟท์แวร์อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% (5% เมื่อปรับค่าเงิน) เทียบกับช่วงไตรมาสแรกปีก่อน รายรับจากผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ middleware ของไอบีเอ็ม ซึ่งในเบื้องต้นรวมถึง WebSphere, Information Management, Tivoli, Lotus และ Rational อยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสแรกของปีก่อน รายรับจากระบบปฏิบัติการอยู่ที่ 522 ล้านดอลลาร์ ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายรับจากซอฟท์แวร์และบริการอื่นๆเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Product Lifecycle Management
สำหรับผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ในตระกูล WebSphere ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถของลูกค้าในการจัดการความหลากหลายของกระบวนการทางธุรกิจโดยใช้มาตรฐานแบบเปิดเพื่อเชื่อมต่อแอพพลิเคชันต่างๆ ข้อมูล และระบบปฏิบัติการนั้น มีรายรับเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่รายรับสำหรับซอฟท์แวร์ Information Management ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลได้ตามต้องการนั้น เพิ่มขึ้น 20% รายรับจากซอฟท์แวร์ Tivoli ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์พื้นฐานที่ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารเครือข่าย ซึ่งรวมถึงความปลอดภัยและความจุของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นส่วนกลางนั้น เพิ่มขึ้น 18% และรายรับสำหรับซอฟท์แวร์ Lotus ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันและส่งข้อความในการจัดการการสื่อสารและความรู้แบบเรียลไทม์นั้น เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนรายรับจากซอฟท์แวร์
Rational ซึ่งเป็นเครื่องมือครบวงจรที่ใช้ปรับปรุงขั้นตอนการพัฒนาซอฟท์แวร์นั้น เพิ่มขึ้น 15% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
กลุ่มโกลบอล ไฟแนนซิ่ง (Global Financing) มีรายรับเพิ่มขึ้น 6% (3% เมื่อปรับค่าเงิน) ในไตรมาสแรกของปีนี้ สู่ระดับ 614 ล้านดอลลาร์
บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นทั้งหมด 40.2% ในไตรมาสแรกปี 2550 เทียบกับ 39.1% ในช่วงเดียวกันของปี 2549 โดยนับเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกันเมื่อเทียบเป็นรายปี
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดและรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น 11% สู่ 6.3 พันล้านดอลลาร์เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้าน SG&A เพิ่มขึ้น 11% สู่ 5.1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนค่าใช้จ่าย RD&E เพิ่มขึ้น 4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญาและการพัฒนาการค้าลดลงมาอยู่ที่ 205 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 229 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ส่วน (รายได้) อื่นๆและค่าใช้จ่ายเป็นรายได้ 180 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีนี้ เทียบกับรายได้ 246 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีก่อน
อัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณของไอบีเอ็มในไตรมาสแรกปี 2550 อยู่ที่ 28.5% เทียบกับ 30.0% ในไตรมาสปีก่อน
การซื้อคืนหุ้นมีมูลค่ารวมประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีนี้ โดยจำนวนหุ้นสามัญที่ปรับลดคงเหลือจากการเฉลี่ยโดยวิธีถ่วงน้ำหนักในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 1.52 พันล้านหุ้น เทียบกับ 1.59 พันล้านหุ้นในช่วงเดียวกันของปี 2549 และ ณ วันที่ 31 มี.ค.2550 หุ้นสามัญพื้นฐานคงเหลือมีจำนวน 1.48 พันล้านหุ้น
หนี้สิน ซึ่งรวมถึงกลุ่มโกลบอล ไฟแนนซิ่ง มีจำนวนทั้งสิ้น 2.39 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว จากมุมมองของฝ่ายบริหาร สัดส่วนหนี้สินต่อเงินทุนในภาค non-global financing อยู่ที่ 2.8% ณ วันที่ 31 มี.ค.2550 และหนี้สินของกลุ่มโกลบอล ไฟแนนซิ่งเพิ่มขึ้น 1.0 พันล้านดอลลาร์จากสิ้นปี 2549 สู่ระดับ 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 6.9 ต่อ 1
แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าและเชิงเตือน
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตและคำพูดที่ปรากฏในที่นี้ ข้อความต่างๆที่อยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าตามความหมายของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคล พ.ศ. 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ดังนั้น แถลงการณ์เหล่านี้จึงมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆที่อาจทำให้ผลที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมาก ซึ่งรวมถึงความล้มเหลวของบริษัทในการพัฒนาและวางตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการคิดค้นใหม่ๆ และการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความกดดันด้านการแข่งขัน ความล้มเหลวต่อการได้รับหรือปกป้องสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญา ความผันผวนในแต่ละไตรมาสของรายรับและความผันผวนของราคาหุ้น ความสามารถของบริษัทที่จะดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสำคัญไว้ ผลกระทบที่ร้ายแรงจากประเด็นเรื่องภาษี ความผันผวนของค่าเงินและความเสี่ยงด้านการสนับสนุนทางการเงินของลูกค้า ความเสี่ยงด้านสินเชื่อของลูกค้าต่อบัญชีลูกหนี้การค้า ความล้มเหลวของบริษัทต่อการรักษาความเพียงพอของการควบคุมภายใน การใช้การคาดการณ์และการประมาณการณ์บางอย่างของบริษัท การพึ่งพาซัพพลายเออร์บางราย การเปลี่ยนแปลงของภาวะทางการเงินและธุรกิจของผู้แทนจัดจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายต่อของบริษัท ความสามารถของบริษัทในการจัดการการซื้อกิจการและการรวมกลุ่มพันธมิตรอย่างประสบความสำเร็จ ความล้มเหลวที่จะมีการประกันที่เพียงพอ ภาวะทางกฎหมาย การเมือง สุขภาพและเศรษฐกิจ ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ของไอบีเอ็ม รวมทั้งความเสี่ยง ความไม่แน่นอนและปัจจัยอื่นๆที่ได้มีการระบุไว้ในเอกสาร Form 10-Q, Form 10-K และเอกสารอื่นๆที่บริษัทได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือในข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้เพื่อการอ้างอิง ทั้งนี้ บริษัทไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับปรุงหรือแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ
การนำเสนอข้อมูลในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้
เพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทตามที่กำหนดโดยมาตรฐานบัญชีสากล (GAPP) บริษัทยังได้เปิดเผยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับ GAPP ดังต่อไปนี้ ซึ่งฝ่ายบริหารเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ผลการดำเนินงานของไอบีเอ็ม
— ปรับตามค่าเงิน (เช่น ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เหตุผลสำหรับการใช้เกณฑ์ที่ไม่ใช่ GAPP ของฝ่ายบริหารถูกบรรจุรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลเสริมที่ถูกนำเสนอไว้ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ซึ่งรายงานดังกล่าวมีการเผยแพร่ไว้ในส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ของไอบีเอ็มที่เว็บไซท์ www.ibm.com/investor และจะถูกรวมไว้ในเอกสารแนบ Attachment II (ข้อมูลเสริมที่ไม่ใช่ GAAP) ในเอกสาร Form 8-K ที่มีข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมอยู่ด้วย และจะถูกยื่นต่อ SEC ในวันนี้
การประชุมทางไกลและการถ่ายทอดการประชุมผ่านเว็บ
ไอบีเอ็มจะจัดการประชุมทางไกลแถลงผลประกอบการรายไตรมาส โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16.30 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกในวันนี้ ซึ่งนักลงทุนอาจมีส่วนร่วมได้ด้วยการชมการประชุมผ่านเว็บ (Webcast) ที่ www.ibm.com/investor/1q07โดยจะมีการนำเสนอผลประกอบการในรูปแผนภูมิทางเว็บไซท์ก่อนการถ่ายทอดการประชุมผ่านเว็บ