ออราเคิลเปิดตัว Oracle® Database 11g ซึ่งเป็นรีลีสล่าสุดของฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยฟีเจอร์มากกว่า 400 รายการ การทดสอบ 15 ล้านชั่วโมง และการพัฒนา 36,000 เดือน ทำให้ Oracle Database 11g เป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงสุดและประกอบด้วยนวัตกรรมมากที่สุดเท่าที่ออราเคิลเคยนำเสนอ
“Oracle Database 11g ซึ่งประกอบสร้างขึ้นจากประสบการณ์ 30 ปีในด้านการออกแบบ นำเสนอขีดความสามารถที่เหนือกว่าสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลภายในองค์กร” นายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย-แปซิฟิก และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว “ลูกค้าของเราประสบปัญหาท้าทายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องของปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การผนวกรวมข้อมูลที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายทางด้านไอทีสำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล Oracle Database 10g บุกเบิกเทคโนโลยีกริดคอมพิวติ้ง (Grid Computing) และกว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าออราเคิลได้เปลี่ยนมาใช้รีลีสดังกล่าว ส่วน Oracle Database 11g ประกอบด้วยฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ลูกค้าของเราต้องการ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้มีการปรับใช้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง พร้อมทั้งขยายการเติบโตของระบบกริดของออราเคิล นับเป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาท้าทายได้อย่างเหมาะสมตามที่ลูกค้าต้องการ”
Oracle Database 11g จะช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมข้อมูลภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจ และปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและเชื่อมั่นเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและมีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยรีลีสใหม่ล่าสุดนี้ขยายขีดความสามารถทางด้านระบบคลัสเตอร์ฐานข้อมูล ระบบงานอัตโนมัติในดาต้าเซ็นเตอร์ และการจัดการเวิร์กโหลด ด้วยระบบกริดสำหรับเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจราคาประหยัดที่ปลอดภัย มีความพร้อมใช้งานสูง และปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ลูกค้าของออราเคิลจะสามารถรองรับการประมวลผลทรานแซคชั่นจำนวนมาก รวมถึงระบบคลังข้อมูล (Data Warehousing) และการจัดการคอนเทนต์
การทดสอบการใช้งานจริงช่วยลดเวลา ความเสี่ยง และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลง
Oracle Database 11g ประกอบด้วยฟีเจอร์ที่ก้าวล้ำสำหรับการจัดการตัวเองและระบบงานอัตโนมัติ จึงช่วยให้องค์กรสามารถให้บริการได้ตามระดับที่กำหนด ตัวอย่างเช่น สำหรับองค์กรที่ต้องอัพเกรดระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลเป็นประจำ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์และระบบ ก็จะสามารถใช้ Oracle Real Application Testing ใน Oracle Database 11g ซึ่งนับเป็นฐานข้อมูลแรกที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทดสอบและจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไอทีได้อย่างรวดเร็ว ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเหมาะสมและประหยัดค่าใช้จ่าย
เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับโซลูชั่นการกู้คืนระบบ
ฟีเจอร์ Oracle Data Guard ใน Oracle Database 11g จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ฐานข้อมูลสแตนด์บาย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบที่ใช้งานจริง รวมทั้งปกป้องข้อมูลในกรณีที่ระบบหยุดทำงานหรือเกิดความล้มเหลวทั่วทั้งไซต์ โดย Oracle Data Guard จะรองรับการอ่านและกู้คืนฐานข้อมูลสแตนด์บายเดียวกัน พร้อมทั้งรองรับการรายงาน แบ็คอัพ ทดสอบ และ ‘ยกเลิก’ การอัพเกรดฐานข้อมูลที่ใช้งานจริง ทั้งนี้ ด้วยการแบ่งเบาภาระงานจากระบบที่ใช้งานจริงไปยังระบบสแตนด์บาย Oracle Data Guard จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบที่ใช้งานจริง และจัดหาโซลูชั่นการกู้คืนระบบที่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
ปรับปรุงการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลและการจัดการสตอเรจ
Oracle Database 11g ประกอบด้วยความสามารถใหม่ๆ ในการแบ่งพาร์ติชั่นและบีบอัดข้อมูล เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล (Information Lifecycle Management) และการจัดการสตอเรจ โดย Oracle Database 11g จะดำเนินการโดยอัตโนมัติสำหรับการแบ่งพาร์ติชั่นข้อมูล และการขยายการแบ่งช่วง, ชุดข้อมูล และรายการที่มีอยู่ เพื่อให้ครอบคลุมช่วงห่าง, ข้อมูลอ้างอิง และการแบ่งคอลัมน์เสมือนจริง (virtual column) นอกจากนี้ Oracle Database 11g ยังมีชุดตัวเลือกที่ครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับการแบ่งพาร์ติชั่นแบบผสมผสาน ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการสตอเรจตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจ
Oracle Database 11g นำเสนอการบีบอัดข้อมูลอย่างก้าวล้ำสำหรับข้อมูลที่มีการจัดโครงสร้างและข้อมูลที่ไม่มีการจัดโครงสร้าง ซึ่งได้รับการบริหารจัดการในระบบประมวลผลทรานแซคชั่น ระบบคลังข้อมูล และการจัดการคอนเทนต์ โดยจะสามารถบีบอัดได้ถึง 2x ถึง 3x หรือมากกว่านั้น สำหรับข้อมูลทั้งหมด ด้วยความสามารถในการบีบอัดข้อมูลที่เหนือกว่าของ Oracle Database 11g
เรียกคืนการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
นอกจากนี้ รีลีสใหม่นี้ยังประกอบด้วยฟีเจอร์ “Oracle Total Recall” ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถค้นหาข้อมูลในตารางที่กำหนด “ตามสภาพที่เป็นอยู่” ในอดีต จึงนับเป็นวิธีที่ง่ายดายและใช้ได้ผลสำหรับการเพิ่มมิติเวลาให้กับข้อมูล เพื่อรองรับการติดตามการเปลี่ยนแปลง การตรวจสอบ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ข้อมูลพร้อมใช้งานสูงสุด
ออราเคิลเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการปกป้องแอพพลิเคชั่นฐานข้อมูลในกรณีที่ระบบหยุดทำงานตามที่วางแผนไว้และไม่ได้วางแผนไว้ Oracle Database 11g รักษาความเป็นผู้นำดังกล่าวด้วยการเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้บริหารระบบในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในเรื่องความพร้อมใช้งาน ฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้านความพร้อมใช้งานได้แก่ Oracle Flashback Transaction ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการยกเลิกทรานแซคชั่นที่เกิดข้อผิดพลาด รวมถึงทรานแซคชั่นที่เกี่ยวข้อง ส่วนฟีเจอร์ Parallel Backup and Restore จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการแบ็คอัพและกู้คืนฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก ในขณะที่ฟีเจอร์ ‘hot patching’ จะรองรับการติดตั้งแพตช์ของฐานข้อมูลโดยไม่จำเป็นต้องปิดฐานข้อมูล จึงช่วยให้ระบบทำงานพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี Data Recovery Advisor ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถลดระยะเวลาในการหยุดทำงานของระบบในกรณีที่ต้องกู้คืนข้อมูล โดยจะดำเนินการตรวจสอบปัญหาโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งกำหนดแผนกู้คืนอย่างชาญฉลาด และรับมือกับหลากหลายสถานการณ์ของความล้มเหลว
Oracle Fast Files
ความสามารถรุ่นอนาคตสำหรับการจัดเก็บออบเจ็กต์ขนาดใหญ่ เช่น รูปภาพ, ออบเจ็กต์ข้อความขนาดใหญ่ หรือชนิดข้อมูลขั้นสูง รวมถึง XML, ภาพถ่ายทางการแพทย์ และออบเจ็กต์ 3 มิติ ภายในฐานข้อมูล ทั้งนี้ Oracle Fast Files ปรับปรุงประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นฐานข้อมูลจนมีระดับเทียบเท่าระบบไฟล์ ด้วยการจัดเก็บข้อมูลองค์กรที่หลากหลายและการเรียกดูข้อมูลอย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้องค์กรต่างๆ รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจได้มากกว่า และสามารถปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วขึ้น
XML ที่รวดเร็วกว่า
Oracle Database 11g มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของ XML DB ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งในฐานข้อมูลออราเคิลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดเก็บและใช้งานข้อมูล XML ในแบบเนทีฟได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ได้เพิ่มเติมการสนับสนุน XML แบบไบนารี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการจัดเก็บ XML ให้เหมาะกับแอพพลิเคชั่นที่ใช้งาน รวมถึงความต้องการในเรื่องประสิทธิภาพ นอกจากนี้ XML DB ยังรองรับการใช้งานข้อมูล XML โดยใช้อินเทอร์เฟซมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งสนับสนุนมาตรฐาน XQuery, Java Specification Requests (JSR)-170 และ SQL/XML
การเข้ารหัสที่โปร่งใส
Oracle Database 11g ยังคงมีความสามารถด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า พร้อมทั้งเพิ่มเติมส่วนปรับปรุงมากมาย โดยรีลีสใหม่ล่าสุดนี้ปรับปรุงความสามารถ Oracle Transparent Data Encryption ให้ครอบคลุมขอบเขตที่เกินกว่าการเข้ารหัสในระดับคอลัมน์ Oracle Database 11g รองรับการเข้ารหัส tablespace ซึ่งสามารถใช้เข้ารหัสตารางทั้งหมด ดัชนี และส่วนจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการเข้ารหัสสำหรับออบเจ็กต์ขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลอีกด้วย
Embedded OLAP Cubes
Oracle Database 11g ประกอบด้วยนวัตกรรมด้านคลังข้อมูล โดยมีการปรับปรุง OLAP cubes เพื่อให้ทำงานแบบ Materialized Views ในฐานข้อมูล ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้ SQL มาตรฐานสำหรับการค้นหาข้อมูล แต่ยังคงได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพในระดับสูงของ OLAP cube นอกจากนั้น ฟีเจอร์ Continuous Query Notification จะแจ้งเตือนแอพพลิเคชั่นในทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ต่อข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูล โดยที่ฐานข้อมูลไม่จำเป็นต้องรองรับ polling อย่างสม่ำเสมอ
การสร้างพูลสำหรับการเชื่อมต่อและการแคชผลลัพธ์การค้นหา
ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับขนาดของ Oracle Database 11g มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและปรับขนาดได้ตามต้องการ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงสุด Oracle Database 11g เสริมสร้างความเป็นผู้นำของออราเคิลในด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาด ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น Query Result Caches ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับขนาดแอพพลิเคชั่น โดยทำหน้าที่แคชข้อมูลและนำผลลัพธ์การคิวรีฐานข้อมูลที่เรียกใช้เป็นประจำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ในระดับฐานข้อมูลและแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Database Resident Connection Pooling ซึ่งปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดของระบบบนเว็บ โดยรองรับการสร้างพูลของการเชื่อมต่อ (connection pooling) สำหรับแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้เป็นแบบมัลติเธรด (non-multi-threaded)
ปรับปรุงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น
Oracle Database 11g ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการพัฒนา รวมถึงกระบวนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีความคล่องตัวสูง โดยใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์สำคัญๆ ของ Oracle Database 11g เช่น Client Side Caching, Binary XML สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่น, การประมวลผล XML และการจัดเก็บและเรียกดูไฟล์ต่างๆ นอกจากนั้น Oracle Database 11g ยังประกอบด้วย Java just-in-time Compiler ซึ่งช่วยให้ดำเนินกระบวนงาน Java บนฐานข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมไพเลอร์ของผู้ผลิตรายอื่น ทั้งยังสามารถผนวกรวมแบบเนทีฟเข้ากับ Visual Studio 2005 สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น .NET บนแพลตฟอร์มของออราเคิล พร้อมกันนี้ ยังมีเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนย้ายระบบ Access ด้วย Oracle Application Express และฟีเจอร์การสร้างคิวรีที่สะดวกง่ายดายใน SQL Developer สำหรับการเขียนโค้ดคำสั่งประจำของ SQL และ PL/SQL อย่างรวดเร็ว
ปรับปรุงการจัดการตัวเองและระบบงานอัตโนมัติ
ฟีเจอร์การจัดการใน Oracle Database 11g มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบริหารจัดการระบบกริดภายในองค์กรได้อย่างง่ายดาย และจัดหาบริการได้ตามระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง Oracle Database 11g มีความสามารถเพิ่มเติมในการจัดการตัวเองและการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการระบบ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นในการปรับขนาด ความพร้อมใช้งาน และความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นฐานข้อมูล ความสามารถใหม่ๆ ของ Oracle Database 11g ในด้านการจัดการ ได้แก่ Automatic SQL และการปรับแต่งหน่วยความจำ, Partitioning Advisor ซึ่งให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลระบบโดยอัตโนมัติในเรื่องวิธีการแบ่งตารางและดัชนี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงการวินิจฉัยประสิทธิภาพสำหรับคลัสเตอร์ฐานข้อมูล นอกจากนั้น Oracle Database 11g ยังประกอบด้วย Support Workbench ซึ่งจัดหาอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย โดยนำเสนอข้อมูลปัญหาเกี่ยวกับสถานะของฐานข้อมูลให้แก่ผู้ดูแลระบบ พร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหานั้นๆ อย่างรวดเร็ว
การ์ทเนอร์ระบุ ออราเคิลมีส่วนแบ่งตลาด 47.1% ครองอันดับ 1 ในตลาดฐานข้อมูลทั่วโลกในปี 2549
ล่าสุด การ์ทเนอร์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดโดยแยกตามระบบปฏิบัติการสำหรับรายได้จากซอฟต์แวร์ในปี 2549 โดยการ์ทเนอร์ (Gartner) ระบุว่าออราเคิล
· ครองส่วนแบ่งตลาด 47.1 เปอร์เซ็นต์ (เพิ่มขึ้นจาก 46.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548)
· มีรายได้เพิ่มขึ้น 14.9 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ 14.2 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรายได้ 7,200 ล้านดอลลาร์ และ
· ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงกันที่สุดสองรายรวมกัน
เกี่ยวกับ Oracle Database 11g
Oracle Database เป็นฐานข้อมูลเดียวที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับกริดคอมพิวติ้ง (Grid Computing) และด้วยรีลีสล่าสุด Oracle Database 11g ออราเคิลช่วยเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการข้อมูลภายในองค์กร ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจได้มากขึ้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วขึ้น โดย Oracle Database 11g มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นในการปรับขนาด ความพร้อมใช้งาน ความปลอดภัย และความสะดวกในการจัดการ บนระบบกริดราคาประหยัดซึ่งประกอบด้วยสตอเรจและเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานอุตสาหกรรม Oracle Database 11g สามารถติดตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพบนทุกระบบ ตั้งแต่เบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ SMP ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รวมถึงคลัสเตอร์ทุกขนาด โดยประกอบด้วยความสามารถด้านการจัดการแบบอัตโนมัติเพื่อการดำเนินการที่สะดวกง่ายดายและประหยัดค่าใช้จ่าย Oracle Database 11g มีความสามารถที่โดดเด่นในการจัดการข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ข้อมูลธุรกิจแบบเก่า ไปจนถึงข้อมูล XML และข้อมูลเชิงพื้นที่ 3 มิติ จึงนับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการประมวลผลทรานแซคชั่น ระบบคลังข้อมูล และการจัดการคอนเทนต์
เกี่ยวกับออราเคิล
ออราเคิล (ชื่อย่อในตลาดหุ้นแนสแด็ก: ORCL) เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายซอฟต์แวร์ระดับองค์กรรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออราเคิล สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.oracle.com