กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ประกาศรายชื่อเยาวชน120 คนที่ผ่านเข้ารอบโครงการ “ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ ครั้งที่ 3” ภายใต้แนวคิด สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวได้ พร้อมมอบทุนประดิษฐ์ผลงานแบบจำลอง
ผลงานละ1,000 บาท เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานสำหรับนำเสนอในรอบ “My Dreams Come True” หรือ “ฝันที่เป็นจริงของฉัน” ต่อไป ชิงรางวัลโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษากว่า 100,000 บาท และรางวัลทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น
“โครงการฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ ครั้งที่ 3 นี้ได้รับการตอบรับจากน้องๆ ทั่วประเทศมากเกินคาด โดยมีผลงานส่งเข้าประกวดจำนวน 33,883 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้วถึง 54% สำหรับในปีนี้ แต่ละแนวคิดที่ส่งเข้าร่วมประกวดมีความหลากหลาย สะท้อนถึงจินตนาการการสร้างสิ่งประดิษฐ์ ที่เป็นประโยชน์ด้านการช่วยเหลือสังคมมากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน ทั้งยังสนใจในสิ่งที่เป็นประเด็นหรือปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ และนำมาถ่ายทอดเป็นจินตนาการที่สร้างสรรค์ เพื่อที่จะมีส่วนร่วมในการลดหรือแก้ปัญหานั้นๆ” นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวและเสริมว่า ”ในฐานะที่กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยได้ริเริ่มและสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ฮอนด้าเล็งเห็นถึงศักยภาพของเด็กไทย พร้อมทั้งเชื่อมั่นในพลังแห่งความฝัน ความมุ่งมั่น และไม่ท้อถอย วันนี้เรารู้สึกภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพัฒนาการของเด็กๆ ที่มีไอเดียที่สร้างสรรค์และกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้เยาวชนไทยทุกคนที่มีความฝัน ให้มุ่งมั่นที่จะทอฝันของตนเองให้เป็นจริง”
โดยในปีนี้ ฮอนด้าได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ อาทิ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (FIBO) คุณวรพล พุฒจ้อย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ สถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ทีวี คุณกงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ ศิลปินและนักออกแบบ ร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกผลงานของน้องๆ จาก 33,883 ชิ้นให้เหลือเพียง 120 ผลงาน แบ่งเป็นระดับประถมศึกษาตอนต้น คือ ป.1 – ป.3 จำนวน 60 ผลงาน และระดับประถมศึกษาตอนปลาย คือ ป.4 – ป.6 จำนวน 60 ผลงาน เพื่อรับทุนในการสร้างสรรค์ และประดิษฐ์ผลงานแบบจำลอง ผลงานละ 1,000 บาท เพื่อนำเสนอแก่คณะกรรมการในรอบ “My Dreams Come True” หรือ “ฝันที่เป็นจริงของฉัน”
รองศาสตราจารย์ ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ให้ความเห็นว่า “ในฐานะของกรรมการมานับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อ 3 ปีก่อน ผลงานของเด็กๆ ที่ส่งเข้าร่วมในโครงการฯ ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนขึ้น แต่ยังสะท้อนความคิดของเยาวชนไทยในปัจจุบันได้อย่างมีนัยสำคัญหลายมิติ สังเกตได้ว่าแนวคิดในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ สะท้อนถึงความสนใจในความเป็นไปของโลก ความตั้งใจในการใช้จินตนาการความคิดสร้างสรรค์เพื่อค้นหาแนวทางในการแก้ปัญหาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาโลกร้อน ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งที่เด็กๆ รู้จักความเมตตาทั้งยังรู้จักเอื้อเฟื้อและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น นอกจากนี้ แนวคิดต่างๆ ยังสอดคล้องในเชิงตรรกะ หลายแนวคิดล้วนมีความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ได้จริง นอกจากนี้เด็กๆ ยังมีพัฒนาการในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้น แม้ในขั้นตอนการถ่ายทอดแนวคิดเป็นภาพโครงสร้างที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง”
หลังจากนี้น้องทั้ง 120 คนที่ผ่านเข้ารอบ “My Dreams Come True” หรือ “ฝันที่เป็นจริงของฉัน” นั้น จะมีเวลา 1 เดือนในการสร้างสรรค์ชิ้นงานของตนเอง เพื่อนำเสนอผลงานความคิดสร้างสรรค์ของตนผ่านทางรายการซูเปอร์จิ๋ว ในเดือนกันยายน จากนั้นคณะกรรมการจะตัดสิน เพื่อเฟ้นหาผู้เข้ารอบในการแข่งขันรอบสุดท้าย ระดับละ 15 คน รวม 30 คน ซึ่งจะต้องนำผลงานในรอบชิงชนะเลิศมาจัดแสดง ณ อุทยานการเรียนรู้ ที เค ปาร์ค ในเดือนตุลาคม 2550 และในวันตัดสินรอบชิงชนะเลิศ คณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินพร้อมประกาศรายชื่อผู้ชนะระดับละ 3 คน รวม 6 คน เพื่อรับทุนการศึกษา พร้อมได้รับโอกาสในการเป็นตัวแทนเด็กไทยไปนำเสนอผลงานร่วมกับเพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นและสัมผัสนวัตกรรมที่ล้ำสมัยจากกิจกรรมทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 1 สัปดาห์ รวมถึงได้พบปะและพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับ มร. มาซาโตะ ฮิโรเสะ หัวหน้าทีมวิศวกร ผู้ให้กำเนิดอาซิโม หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่อัจฉริยะที่สุดในโลกขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศระดับละ 1 คน รวม 2 คน ยังจะได้รับรางวัลโล่พระราชทานฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดอีกด้วย