ดอยช์ โพสท์ เวิลด์ เน็ต และดอยช์ ลุฟท์ฮันซ่า เอจี ประกาศร่วมทุนก่อตั้งสายการบินเพื่อการขนส่งสินค้า ผ่านบริษัทสาขาคือ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส และลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ โดยบริษัทใหม่จะมีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมืองไลป์ซิก ด้วยสัดส่วนการร่วมทุนแบบ 50/50 เปอร์เซ็นต์ และจดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศเยอรมนีในรูปแบบบริษัทจำกัด (GmbH) บริษัทใหม่นี้มุ่งเน้นการขนส่งสินค้าทางอากาศ และการขนส่งสินค้าด่วนทางอากาศ ทั้งขาเข้ามายังและขาออกจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะพร้อมเริ่มปฏิบัติการบินในเดือนเมษายน 2552 ทั้งนี้ การเปิดตัวสายการบินเพื่อการขนส่งสินค้าแห่งใหม่จากสองบริษัทนี้ จะช่วยขยายฐานตำแหน่งผู้นำทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่ายออกไปอย่างมาก ทั้งในด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ และด้านธุรกิจขนส่งด่วน ตามลำดับ
ดร. เคลาส์ ซูมวิงเกล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ดอยช์ โพสท์ เวิลด์ เน็ต กล่าวว่า “การร่วมทุนครั้งนี้ คือการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ที่เกิดจากการร่วมทุนทางธุรกิจระหว่างทวีปของเรา ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ดอยช์ โพสท์ เวิลด์ เน็ต และลุฟท์ฮันซ่า สองผู้นำธุรกิจ ลอจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก จะนำเอาความรู้และความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย มาใช้ดำเนินธุรกิจใหม่ที่ได้ร่วมทุนกันก่อตั้งขึ้น โดยดีเอชแอล จะเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญให้กับลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วในระหว่างทวีปเอเชีย และยุโรป สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับประเทศเยอรมนีในฐานะผู้นำธุรกิจลอจิกติกส์ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นด้วย”
วอลฟ์กังค์ มาร์เฮอร์เบอร์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดอยช์ ลุฟท์ฮันซ่า เอจี กล่าวว่า “การร่วมทุนธุรกิจขนส่งสินค้าล่าสุดนี้ จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องของกลุ่ม ดอยช์ โพสท์ เวิลด์ เน็ต และลุฟท์ฮันซ่า ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี อีกทั้งบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับประเทศเยอรมนี ในฐานะฐานธุรกิจที่สำคัญ แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงานในแถบเมืองไลป์ซิกอีกด้วย และที่สำคัญ ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
สายการบินเพื่อการขนส่งสินค้านี้ จะเริ่มปฎิบัติการด้วยเครื่องบินโบอิ้งแบบ 777-200LRF ใหม่ จำนวน 11 ลำ ซึ่งจะทำการเช่าซื้อและจัดส่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพทางการขนส่งสินค้าให้กับ ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ และดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส โดยทั้งสองพันธมิตรจะดูแลด้านการตลาด และบริหารขีดความสามารถทางการขนส่งเหล่านี้เป็นอิสระจากกัน
ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการขออนุญาตเส้นทางการบิน และมีแผนว่าสายการบินใหม่จะเริ่มปฏิบัติการบิน และขยายเครือข่ายเส้นทางการบิน ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน ปีพ.ศ. 2552 เป็นต้นไป โดย สายการบินนี้จะให้บริการขนส่งสินค้าไปยัง สิงคโปร์ กรุงเทพ ดูไบ บอมเบย์ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง กรุงโซล นาโงย่า อัลมาตี มิดแลนด์ตะวันออก และมิลาน ในช่วงระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ และจะบินไปยัง เซี่ยงไฮ้ อัสตานา สิงคโปร์ กรุงเทพ ชาร์จาห์ ฮ่องกง ชิคาโก้ และนิวยอร์ก ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
นอกเหนือจากการบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ทั้งสองบริษัทต่างจะดูแลรับผิดชอบด้านการจัดเก็บคลังสินค้า และการขนส่งสินค้าระหว่างเมืองไลป์ซิก และท่าอากาศยานฮันเลอร์ โดย ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดูแลจัดการการขนส่งด่วนภายในศูนย์คลังสินค้าที่สร้างขึ้นใหม่ และลุฟท์ฮันซ่า จะดูแลบริหารศูนย์ลอจิสติกส์อันทันสมัยที่จะสร้างอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้
คาร์สเท่น สปอชร์ ประธานกรรมการ ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ เอจี กล่าวว่า “การใช้ประโยชน์จาก ขีดความสามารถของเครื่องบินขนส่งร่วมกัน จะช่วยให้เราทั้งคู่สามารถควบคุมต้นทุนการเติบโต ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดีเอชแอลจะได้รับประโยชน์ทางการค้าเพิ่มขึ้น ในการจัดการเครือข่ายการขนส่งสินค้าด่วนทางอากาศ ด้วยขีดความสามารถทางการขนส่งที่ได้รับเพิ่มเติมจาก ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ ในช่วงเวลาวันหยุด นอกจากนี้ ตารางการบินในช่วงวันหยุดของดีเอชแอล ก็จะช่วยตอบรับกับความต้องการของลูกค้าลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ ที่ต้องการบรรทุกสินค้าในเที่ยวบินนั้น ๆ ได้อย่างลงตัว”
ชาร์ลส เกรแฮม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการบิน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยบริษัทใหม่นี้ เราจะสามารถพัฒนาบริการขนส่งสินค้าด่วนทางอากาศ ในเส้นทางระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดทิ่มีการเติบโตให้มีบริการที่ดียิ่งขึ้น และด้วยกลยุทธ์การพัฒนาเครือข่ายเส้นทางการบินทั่วโลกของเราผนวกกับขีดความสามารถทางการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับประโยชน์ด้านบริการขนส่งสินค้าที่มีคุณภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้นในทุกเส้นทาง”
คณะผู้บริหารสายการบินใหม่ ประกอบด้วย ดร. โทมัส แปบเก อดีตผู้บริหารลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ และโทมัส พอยช์ อดีตผู้บริหารดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส โดยจะมีการพิจารณาตัดสินเรื่องชื่อและตราสินค้าของบริษัทใหม่ภายหลังจากนี้