ยูบีเอสเผยตลาดหุ้นไทยพร้อมแล้วสำหรับการปรับมุมมองใหม่

มร. คีธ เนรูดา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับประเทศไทยของยูบีเอส เผยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อหุ้นของนักลงทุนไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับมุมมองในระยะยาวเหนือการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆในปัจจุบันได้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงอ่อนตัว แต่ปัจจัยด้านลบจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงและความไม่แน่นอนทางการเมืองดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายและไม่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดช่วงปี 2551

มร. เนรูดา ระบุในรายงานล่าสุดของเขา เรื่อง “ยุทธศาสตร์ในการลงทุนในหลักทรัพย์ไทย” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่า นักลงทุนไทยเริ่มหันมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อได้ว่าตลาดหุ้นไทยสามารถปรับมุมมองใหม่ให้เหนือกว่าช่วงที่มีการเคลื่อนไหวในการซื้อขายหุ้นอยู่ในกรอบแคบๆ ที่มีค่าเสียโอกาสหรือส่วนลดของราคาตลาดและกำไรสุทธิต่อหุ้นของเอเชียที่ร้อยละ 33 เมื่อไม่นานมานี้ได้

“ตลาดหลักทรัพย์ไทยติดอยู่ในช่วงการซื้อขายในกรอบแคบๆ ตั้งแต่ปี 2547 ภายใต้เป้าหมายดัชนีที่ระหว่างร้อยละ 15 – 30 อันพิจารณาจากดัชนีที่เพิ่มขึ้นและภาพรวมทั้งหมด ซึ่งจากการวิเคราะห์นี้แสดงถึงตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่าอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบการซื้อขายตามทฤษฎีที่ร้อยละ 2.3 นอกจากนั้น ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของส่วนลดราคาต่อกำไรสุทธิในเอเชีย พิจารณาจากเมื่อต้นปี 2547 ที่ประเทศไทยมีการลดราคาของไทยอยู่ที่ร้อยละ 10 ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 33 ในปัจจุบัน”

มร.เนรูดา เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาวะการปรับมุมมองอย่างเงียบๆ เหนือระดับการซื้อขายในกรอบแคบๆ ที่ผ่านมา และการปรับมุมมองนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ข้อมูลสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวของตลาดคือ การที่นักลงทุนภายในประเทศได้ให้การสนับสนุนตลาดแม้ว่าจะมีตัวเลขการถอนทุนของจากต่างชาติก็ตาม ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมตลาดหุ้นไทยโตขึ้นร้อยละ 5 แม้ยอดการถอนทุนคืนจากต่างชาติสูงจะถึง 7.4 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน

มร.เนรูดา กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองตลาดหุ้นไทยนั้นก็ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นยังคงอ่อนตัว โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคและการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีการเติบโตเพียงร้อยละ 1.4 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550”

มร. เนรูดา ระบุว่า “แม้เราไม่มีหลักฐานที่จะแสดงถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและสภาพทางการเมืองก็ยังคงมีความวุ่นวายอยู่ อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 827 จุด ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็น 922 จุดในปัจจุบัน นอกจากนั้น เรายังเห็นสัญญาณที่ค่อนข้างดีของการยอดขายรถยนต์หลังจากมีการลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าข้อมูลนี้นับเป็นตัวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการบริโภคและจับจ่ายใช้สอยส่วนบุคคลได้”

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับอนาคตมีค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะไม่มีความเสี่ยงชัดเจนในประทศไทยในขณะนี้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์เมื่อสิบปีที่แล้ว

มร.เนรูดา กล่างเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจในผลการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นตลาด และคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้รับการยอมรับในเชิงบวกมากขึ้น”

ยูบีเอส (UBS) เป็นหนึ่งในสถาบันชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการแก่ลูกค้าทุกประเภททั่วโลก ทั้งนี้ในฐานะองค์กร ยูบีเอส ได้ผสานจุดแข็งทางด้านการเงินกับวัฒนธรรมนานาชาติซึ่งพร้อมเสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้น ในฐานะบริษัทที่มีการให้บริการแบบครบวงจร ยูบีเอสได้สร้างมูลค่าเพิ่มด้านการให้บริการแก่ลูกค้าด้วยการนำเอาทรัพยากรที่ผสมผสานและความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจมาเป็นจุดดึงดูด

ยูบีเอส ถือเป็นผู้จัดการทรัพย์สินรายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทหลักทรัพย์และผู้ให้บริการด้านวาณิชธนกิจชั้นนำ รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ (Asset Manager) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ยูบีเอสเป็นผู้ให้บริการทางด้านการเงินชั้นนำสำหรับลูกค้ารายย่อยและเชิงพาณิชย์ทั่วไป

ยูบีเอส ตั้งอยู่ในศูนย์กลางทางด้านการเงินที่สำคัญทั่วโลก โดยมีสำนักงานอยู่ใน 50 ประเทศ และมีพนักงานจำนวน 39% ที่ทำงานในอเมริกา, 36% ในสวิสเซอร์แลนด์, 16% ในยุโรป และอีก 8% ในแถบเอเชีย- แปซิฟิก ทั้งนี้ ยูบีเอสมีพนักงานที่ทำงานด้านการเงินมากกว่า 75,000 คนทั่วโลก หุ้นยูบีเอสได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สวิสเซอร์แลนด์ (SWX) ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE)