ผู้ผลิตแบรนด์มาร์เวล – เมย์ไฟน์ – เฟนนารี่ – คาร์เรน เอาใจลูกค้าขนสินค้าขายราคาพิเศษลด 50 – 70% ในงานสัปดาห์เครื่องหนังและรองเท้าไทย 2007 ระหว่างวันที่ 2 – 11 พฤศจิกายนนี้ ณ อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก พร้อมรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น วอนคนไทยไว้ใจซื้อสินค้าแบรนด์ไทย ผลักดันให้แบรนด์ไทยประสบความสำเร็จในตลาดโลก คาดตลาดเครื่องหนังในประเทศยังโตไม่ต่ำ 10% มูลค่าตลาดโดยรวมในประเทศปีละไม่ต่ำ 2 หมื่นล้านบาท
นายนิวัฒน์ กิรนันทวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท้อปเท็นเทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในบริษัทเครื่องหนังชั้นนำของคนไทย เจ้าของแบรนด์ มาร์เวล เมย์ไฟน์ เฟนนารี่ และคาร์เรน เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 – 11 พฤศจิกายน 2550 บริษัทฯ ได้ร่วมออกงานสัปดาห์เครื่องหนังและรองเท้าไทย 2550 จัดโดยสมาคมเครื่องหนังไทยและสมาคมรองเท้าไทย ณ อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก โดยบริษัทฯ ได้นำสินค้าแบรนด์ชั้นนำวางขายในราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ของบริษัทฯ เป็นพิเศษ โดยเฉพาะการนำกระเป๋าคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ มาร์เวล สไตล์ลูกฟูก ซึ่งเป็นคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด ทำจากหนังคุณภาพสูงนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา คุณภาพดี และมีลายเส้นลูกฟูกที่แตกต่างละไม่เหมือนใคร โดยมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคอลเล็คชั่นพิเศษในงานนี้ 15% นอกจากนั้นก็ยังมีสินค้าแบรนด์อื่นๆ ของบริษัทฯ ที่นำไปจำหน่ายก็จะลดราคาถึง 50 – 70%
“ในปัจจุบันเครื่องหนังและรองเท้าแบรนด์คนไทยมีการพัฒนาการจัดการและการบริหารอยู่ในระดับที่ดีค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องของรูปแบบการดีไซน์ผลิตภัณฑ์และวัสดุที่นำมาใช้ถือว่าอยู่ในระดับชั้นนำ เมื่อเทียบกับประเทศที่มีแบรนด์เครื่องหนังที่มีชื่อเสียงในระดับโลก แต่การที่จะทำให้แบรนด์ไทยประสบความสำเร็จในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ตลาดในประเทศไทยจะต้องตอบสนองกับสินค้าของแบรนด์ไทยเสียก่อน โดยคาดหวังว่าในงานสมาคมเครื่องหนังและรองเท้าไทยในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าคนไทย เพราะจะเป็นสิ่งผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไทยและรองเท้าไทยประสบความสำเร็จในตลาดโลกได้” นายนิวัฒน์กล่าว
นายนิวัฒน์กล่าวต่อว่าปัจจุบันนั้นผลิตภัณฑ์ของบริษัทตลาดอยู่ที่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นสุภาพสตรี โดย แบรนด์มาร์เวลจะเป็นตลาดสำหรับผู้หญิงบีบวกขึ้นไปที่ชอบกระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ส่วนใหญ่ลูกค้าจะอยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยผลิตภัณฑ์จะเน้นงานคุณภาพดีทันสมัยราคาอยู่ที่ 4,000 บาทขึ้นไป แบรนด์เมย์ไฟน์สำหรับกลุ่มผู้หญิงออฟฟิศ ราคาผลิตภัณฑ์จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท แบรนด์เฟนนารี่เป็นประเป๋าเหมาะสำหรับผู้หญิงสบายๆ ไปงานเลี้ยงไม่เป็นทางการราคาอยู่ที่ 1,800 – 2,000 บาท ส่วนแบรนด์คาร์เรนเป็นของดีมีคุณภาพเหมาะสำหรับผู้หญิงทุกวัย ครอบคลุมถึงตลาดวัยรุ่นที่ชื่นชอบความทันสมัยแต่มีราคาไม่แพง โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาท
สำหรับสินค้าที่ผลิตได้ของบริษัทส่วนใหญ่จะขายอยู่ในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยตลาดในประเทศ จะวางขายตามเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้เดอะมอลล์ โรบินสัน และเซ็นทรัลทุกสาขา รวมแล้วปัจจุบันมีจุดจำหน่ายประมาณ 80 แห่ง โดยในอนาคตมีแผนที่จะขยายเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันสินค้าของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างมาก
นายนิวัฒน์กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสินค้าออกไปในต่างประเทศให้มีสัดส่วนมากขึ้นโดยคาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนการส่งออกหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ 20% เป็น 30% โดยปัจจุบันตลาดต่างประเทศที่นิยมสินค้าของบริษัท เช่น ดูไบ สิงค์โปร์ และรัสเซีย โดยในอนาคตข้างหน้าตลาดต่างประเทศที่จะไปคือตลาดในอินเดีย จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น เป็นต้น
“ตลาดสินค้าเครื่องหนังในประเทศไทยปัจจุบันก็ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขนาดนี้ โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้าตลาดเครื่องหนังโดยรวมก็จะสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10% ซึ่งคาดว่าหลังการเลือกตั้งสถานการณ์เศรษฐกิจหน้าจะปรับตัวดีขึ้น ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้ริโภคก็จะมีมากขึ้นโดยประเมินว่าตลาดเครื่องหนังโดยรวมในประเทศก็ยังคงมีมูลค่าอยู่ปีละประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในส่วนของ บริษัทฯ เชื่อว่าอัตราการเติบโตยอดขายของบริษัทก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 7% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในปีหน้าน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10%”