บริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด อินดรัสทรีส์ จำกัด ผู้นำการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้เพื่อการตกแต่งแบบครบวงจร วันนี้ก้าวไปอีกขั้น ชูนวัตกรรมการสร้างบ้านด้วย S ยกกำลัง 5 หลังแรก เปิดตัวในงานสถาปนิก’51 ในแบบ ภายใต้ชื่อ Chale’t Prefab. House – Modern Tropical Style มิติใหม่ของวงการไม้เมืองไทย สร้างเสร็จใน 3-15 วัน อีกก้าวหนึ่งแห่งการเติบโตทางธุรกิจ เปิดตัว ในงานสถาปนิก ’51 เพื่อสอดรับกับภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ( Stop Global Warming )
นายคมวิทย์ บุญธำรงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด อินดัสทรีส์ จำกัด ผู้นำแห่งการผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้ครบวงจร สำหรับงานโครงสร้างและงานตกแต่งภายใน เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทมีความชำนาญงาน ในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้มาเป็นเวลายาวนาน ขณะนี้บริษัทฯ ได้ก้าวไปอีกขั้น หมายถึง นวัตกรรมการสร้างบ้านไม้ป่าปลูกด้วยแนวคิด S กำลัง 5 ซึ่งสามารถสร้างเสร็จภายในเวลา 3-15 วันเท่านั้น ทั้งนี้เกิดจากการคิดค้น วิจัย และพัฒนา ซึ่งถือเป็นนโยบายหนึ่งของดำเนินการบริษัทเสมอมา เพื่อมุ่งสนองตอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัย
“ถือว่าเราเติบโตและก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จากเดิมที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไม้และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยในวันนี้ถือว่าเราทำครบวงจรแล้ว เพราะครั้งนี้หมายถึงการใช้ความรู้และความชำนาญงานในทุกด้านที่มีเพื่อสร้างบ้านทั้งหลัง ด้วยเทคโนโลยีที่ศึกษา ค้นคว้า และคิดค้นมาเป็นอย่างดี ตอบโจทย์การก่อสร้างบ้านไม้ได้ทุกเรื่อง ในแบบ Modern Tropical Style ซึ่งเปิดตัวในงานสถาปนิก’ 51 เนื่องจากเป็นการใช้ไม้เข้ามาประกอบให้ความรู้สึกเป็นบ้านอบอุ่น เหมาะสำหรับภูมิอากาศบ้านเรา และเป็นการประหยัดพลังงาน ตอบรับกระแสการหยุดภาวะโลกร้อน ( Stop Global Warming )” นายคมวิทย์กล่าว
สำหรับ แนวคิด S กำลัง 5 ซึ่งสามารถสร้างเสร็จภายในเวลา 3-15 วัน ซึ่งเกิดจากการคิดค้น และพัฒนาการของบริษัท ประกอบด้วย
S 1 Speed สร้างเสร็จเร็ว ประกอบสำเร็จจากโรงงาน สร้างเสร็จใน 3-15 วัน (ขึ้นอยู่กับแบบบ้าน)
S 2 Save ประหยัด ทั้งพลังงาน และประหยัดเงินทุน
S 3 Sanctuary ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในสไตล์รีสอร์ทที่เป็นธรรมชาติ (Tropical Modern Style Resort) ที่แฝงด้วยความทันสมัย ด้วยเพดานโปร่งที่สูงถึง 3 เมตร ผนังไม้ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เรียบง่ายแต่สง่างาม
S 4 Science ใช้หลักวิทยาศาสตร์ ในการเลือกวัสดุทุกชิ้นส่วน โดยโครงสร้างใช้ผนังหลายชั้นจากวัสดุต่างกัน ลดความร้อน ดูดซับเสียง ทนทาน และป้องกันปลวก ในขณะที่หลังคาซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ ใช้ Chale’ t Ecoteak Shingle Roof ที่ใช้เทคโนโลยี Heat Treatment ซึ้งใช้ไม้สักป่าปลูก ที่ตอบรับกระแสอนุรักษ์พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นพัฒนาการขั้นสุดของหลังคาไม้ของวงการสร้างบ้านในขณะนี้ เป็นต้น
S 5 Strong แข็งแรง โดยโครงหลังคาไม้จริงสำเร็จรูป คำนวณด้วยโปรแกรม Mitek 20/20 ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโครงหลังคาไม้ที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 70 % ของประเทศอเมริกา , ระบบ Joint เสาและคาน ด้วยเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี ที่มองไม่เห็นการเชื่อมต่อ ในขณะที่พื้นไม้ Chalet ’t Structural Engineered Flooring ที่มีความหนาถึง 65 mm. เป็นทั้งพื้นโครงสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามได้ ในตัว ที่สำคัญออกแบบโดยวิศวกรให้รับแรงลมได้ถึง 120 km./hr. ซึ่งเป็นแรงลมระดับพายุไต้ฝุ่น
นายคมวิทย์กล่าวถึงแผนการตลาด และกลุ่มเป้าหมายการดำเนินงาน มุ่งที่จะตอบรับธุรกิจที่มีความนิยมบ้านไม้ เช่น รีสอร์ท โครงการจัดสรร หรือ แม้แต่บ้านอยู่อาศัย ที่นิยมบ้านไม้ เช่น ขณะนี้ได้เข้าไปทำตลาดที่ภาคใต้ ซึ่งมีความต้องการในการปลูกสร้างบ้านด้วยระยะเวลาที่รวดเร็ว รีสอร์ทตามเกาะต่าง ๆ เพื่อประหยัดต้นทุน พร้อมกับต้องมีความแข็งแรงคงทน
นอกจากนั้นในอนาคตยังวางแผนที่จะขยายการทำตลาดไปยังกลุ่มต่างประเทศ เพราะออกแบบให้สามารถบรรจุการประกอบบ้านไม้ทั้งหลังได้สำหรับ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้จากการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ที่ทำให้เกิดนวัตกรรมการสร้างบ้านแบบ s ยกกำลัง 5 ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะตอบโจทย์การสร้างบ้านได้อย่างครบถ้วน จนเป็น Chale’t Prefab. House – Modern Tropical Style แห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งคำนึงถึงการประหยัดพลังงานของโลก และช่วยหยุดภาวะโลกร้อน ( Stop Global Warming ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทุกคนต้องช่วยกัน