LHK ประกาศผลประกอบการประจำปี 2551

บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK โชว์ความแข็งแกร่ง ประกาศผลประกอบการประจำปี 2551 มีรายได้รวมกว่า 2,612 ล้านบาท ตามการขยายตัวของอุตฯ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และก่อสร้าง ก่อนชี้ประเทศไทยยังมีช่องว่างให้อุตฯ สเตนเลส ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ พร้อมเดินหน้าวางแผนธุรกิจ ประกาศผลักดัน 3 กลยุทธ์หลัก ตั้งเป้าดันยอดขาย ยานยนต์โตเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่องในปีนี้

นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการประกอบธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์สเตนเลสม้วนครบวงจร เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า สำหรับผลประกอบการประจำปี 2551 บริษัทและบริษัทย่อยฯ มีรายได้รวมกว่า 2,612 ล้านบาท เติบโตกว่า 472 ล้านบาทหรือคิดเป็น 22% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกับปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,140 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้รายได้ของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเติบโตตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ที่มีความต้องการบริโภคสเตนเลสเพิ่มขึ้นอย่างมากและอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของบริษัทย่อย ได้แก่ ท่อไอเสียยานยนต์และท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ รวมถึงสเตนเลสเกรดเฉพาะ (D-Stainless) ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี และมียอดขายกลับเข้าสู่บริษัทเพิ่มมากขึ้น

สำหรับผลประกอบการประจำปีของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,612 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขาย 2,553 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตกว่า 21.2% หรือเพิ่มขึ้น 447 ล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ (EBIT) 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลจำนวน 91.20 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2550 และเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 22.40 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา

สำหรับภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์สเตนเลสในประเทศไทยต่อจากนี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สเตนเลสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจค ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งในแต่ละอุตสาหกรรมมีส่วนในการผลักดันให้อุตสาหกรรมสเตนเลสในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณการบริโภคสเตนเลสรีดเย็นโดยเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน) ซึ่งมีอัตราการบริโภคเฉลี่ยสูงกว่า 10 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ได้เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตจากช่องว่างการตลาดดังกล่าว และสอดคล้องับนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นทำตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก ทำให้คาดหวังยอดขายของบริษัทจะยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต่อจากนี้ บริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจไว้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สเตนเลสใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง, การพัฒนาและสร้างบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งการขยายฐานการจำหน่ายสเตนเลสเกรดเฉพาะ (ดี-สเตนเลส) ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์สเตนเลสที่มีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่คาดว่าน่าจะขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างสูง รวมทั้งอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีอัตราการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์สเตนเลสม้วนอย่างครบวงจร ได้แก่ สเตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและแผ่น ท่อสเตนเลส เหล็กชุบสังกะสี และเหล็กเคลือบสังกะสีชนิดม้วนและแผ่น โดยมีบริษัทย่อยประกอบด้วย บริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด และบริษัท ดี-สเตนเลส จำกัด ซึ่งรองรับธุรกิจหลักด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์สเตนเลสม้วนครบวงจร โดยการนำระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) มาใช้ในการจัดหาวัตถุดิบ การแปรรูป การจำหน่าย และการให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ได้แก่

– จัดหา แปรรูป และจำหน่าย สเตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและแผ่น

– ผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลสขัดเงา สำหรับอุตสาหกรรมตกแต่งและโครงสร้าง

– ผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อใช้ในการผลิตท่อไอเสียรถยนต์ และท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ (โดยบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด)

– จำหน่ายสเตนเลสเกรดเฉพาะ หรือ “D-Stainless” (โดยบริษัท ดี-สเตนเลส จำกัด)

– แปรรูปและจำหน่ายเหล็กชุบสังกะสี และเหล็กเคลือบสังกะสี

– ให้บริการด้านขัดผิวสเตนเลสม้วนเป็นผิวลายเส้น (Hairline) ลายขนแมว (No.4)

– ให้บริการด้านการตัด เจาะ และพับสเตนเลส ตามความต้องการของลูกค้า

– ให้บริการในการบริหาร ระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยระบบ “iSerlution” ของบริษัท

โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถนำไปใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง คอมพิวเตอร์ อาหาร ปิโตรเคมี โดยมีจุดแข็งอยู่ที่ การมีฐานลูกค้าที่มั่นคง มีประสบการณ์และความรู้อย่างแท้จริง รวมถึงการบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management by iSerlution) ทำหน้าที่เป็นผู้เพิ่มประสิทธิผลในอุตสาหกรรม (Synergy Plus) ผู้ประสานงานในอุตสาหกรรม (Solution Integrator) และผู้เก็บรวบรวมข้อมูลในอุตสาหกรรม (Industry Database) และมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ ยังเป็นผู้แทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยของ Nippon Metal Industry Co., Ltd.