กลุ่มมิตรผลประกาศความร่วมมือเทด แอนด์ ไลล์ เทรดเดอร์น้ำตาลรายใหญ่ของโลก เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อุตสาหกรรมน้ำตาลไทย ทุ่มเงินลงทุนกว่า 150 ล้านบาท สร้าง “คอนดิชันนิ่ง ไซโลน้ำตาล” แห่งแรก เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ ลดการจับตัวเป็นก้อน มุ่งจับกลุ่มลูกค้าที่เคยใช้น้ำตาลส่งออกจากสหภาพยุโรป หลังมีการปรับโครงสร้างการส่งออกน้ำตาลลดลงกว่า 60%
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ กลุ่มมิตรผลจึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะธุรกิจน้ำตาล ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม ล่าสุดกลุ่มมิตรผลได้บรรลุข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกับบริษัท เทด แอนด์ ไลล์ อินเวสท์เม้นท์ จำกัด ผู้ค้าน้ำตาลรายใหญ่ของโลก ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ ’บริษัท ชูการ์ เอ็คเซ็ลเลนซ์ จำกัด’ พร้อมก่อสร้างคอนดิชันนิ่ง ไซโลน้ำตาล มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super refine sugar) ให้สามารถรักษาสภาพความเป็นเกล็ดร่วน (Free flow) และลดปัญหาการจับตัวเป็นก้อน (Caking) ในสภาพที่ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง เมื่อมีการส่งออกไปยังประเทศที่มีสภาพอากาศต่างจากประเทศไทย
การร่วมทุนครั้งนี้ บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด ในกลุ่มมิตรผลถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 และเทด แอนด์ ไลล์ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 โดยกลุ่มมิตรผลจะเป็นฝ่ายดำเนินงานในส่วนของการก่อสร้างไซโล และส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำตาลเมื่อเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ขณะที่เทด แอนด์ ไลล์จะสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และร่วมประสานงานด้านการตลาดต่างประเทศ
ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“การนำคอนดิชันนิ่ง ไซโลมาใช้กับระบบการผลิตน้ำตาลของมิตรผล เป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำตาลให้มีคุณภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาดน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษไปยังกลุ่มลูกค้าที่เคยใช้น้ำตาลส่งออกจากสหภาพยุโรปหรืออียูด้วยซึ่งหลังจากที่สหภาพยุโรปต้องปรับโครงสร้างการส่งออกน้ำตาลลดลงจากประมาณ 5-6 ล้านตันต่อปี มาอยู่ที่ 1.5 – 2.0 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็นอัตราที่ลดลงประมาณ 60-70% ทำให้เรามีโอกาสเติบโตในตลาดน้ำตาลคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น” นายกฤษฎา กล่าว
ด้านนายคนอง ศักดิ์เพ็ชร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจน้ำตาล ในกลุ่มมิตรผล กล่าวว่า คอนดิชันนิ่ง ไซโลน้ำตาลใหม่ภายใต้การบริหารจัดการของชูการ์ เอ็คเซ็ลเลนซ์ ที่ตั้งอยู่ ณ โรงงานรวมเกษตรกรอุตสาหกรรมนี้ ได้รับการออกแบบพิเศษให้สามารถบรรจุน้ำตาลได้ถึง 1,500 ตัน และมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับพักและสามารถทำให้น้ำตาลเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งภายใน 48 ชั่วโมงน้ำตาลจะคายความร้อนที่อาจหลงเหลืออยู่ลงได้หมด ทำให้เกล็ดน้ำตาลร่วน เมื่อบรรจุหีบห่อเพื่อขนส่งจะไม่ไปพบปัญหาการจับตัวเป็นก้อน นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำตาลได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดการกระแทกอันจะก่อให้เกิดความเสียหายได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากขั้นตอนการพัฒนาคุณภาพน้ำตาลที่ผ่านการคอนดิชั่นแล้ว มิตรผลยังได้มีการปรับปรุงรูปแบบการส่งออกที่หลากหลาย อาทิ ระบบบรรจุภัณฑ์ (Packing Station) และระบบการคัดแยกเม็ด (Sieving) ให้มีขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงลงทุนจัดตั้ง ระบบการบรรจุแบบบัลค์ คอนเทนเนอร์ (Bulk Container) ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย การปรับปรุงระบบดังกล่าวเพื่อให้มิตรผลสามารถตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมในต่างประเทศที่ต้องการพัฒนา ระบบการจัดการ (Handling) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการลดค่าให้จ่ายทางด้านแรงงาน และความสะดวกรวดเร็วในการจัดการ
“เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุดตามมาตรฐานสากลที่ตลาดโลกให้การยอมรับ โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างอียู ไม่เพียงเท่านั้น เรายังให้ความสำคัญกับการบรรจุในรูปถุงขนาด 1 ตัน, 50 กิโลกรัม และ 25 กิโลกรัม ซึ่งน้ำตาลคุณภาพที่ผ่านคอนดิชันนิ่ง ไซโลประมาณ 70% จะถูกส่งออกทางคอนเทนเนอร์ และราว 30% ของจำนวนดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม” นายคนองกล่าว
