การสื่อสารแบบเคลื่อนที่เป็นพื้นฐานแห่งการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 393,000 ล้านบาท (1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากมูลค่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในปี พ.ศ. 2550 หรือเทียบเท่ากับจีดีพีร้อยละ 4.9 ของประเทศไทย ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานถึง 150,000 ตำแหน่ง
ตัวเลขเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ได้จากการศึกษาครั้งล่าสุดโดยดีล้อยท์ซึ่งจัดทำให้แก่เทเลนอร์กรุ๊ปในตลาดเกิดใหม่หกประเทศด้วยกัน ได้แก่ เซอร์เบีย ยูเครน บังคลาเทศ มาเลเซีย ปากีสถาน และประเทศไทย รายงานฉบับนี้อาศัยฐานข้อมูลจากหน่วยธุรกิจต่างๆ ของเทเลนอร์และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ในวงกว้าง รวมถึงอ้างอิงจากข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
มร. อาร์เว โจแฮนเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทเลนอร์กรุ๊ปและหัวหน้าส่วนงานทวีปเอเชีย กล่าวว่า “ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การสื่อสารโทรคมนาคมนั้นเป็นปัจจัยที่เชื่อมโยงกับความสำเร็จด้านเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เราหวังว่าผลการศึกษาครั้งนี้จะช่วยย้ำความสำคัญของเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ที่มีต่อการพัฒนาสภาพสังคมและสภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้”
ผลจากการศึกษาในหกประเทศพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ธุรกิจการสื่อสารแบบเคลื่อนที่มีผลทางเศรษฐกิจมากที่สุด โดยการสื่อสารแบบเคลื่อนที่คิดเป็นมูลค่าถึง 393,000 ล้านบาท (1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2550 ในขณะที่ยูเครนมีมูลค่าอยู่ที่ 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมาเลเซีย 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น การสื่อสารแบบเคลื่อนที่ยังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมูลค่าทางเศรษฐกิจ 393,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2550 นั้นมากกว่าเกือบหนึ่งเท่าครึ่งเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2547 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 160,000 ล้านบาท
การศึกษาครั้งนี้ยังชี้ชัดว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสื่อสารแบบเคลื่อนที่มีความสำคัญมากขึ้นนั้น สืบเนื่องมาจากอัตราการขยายตัวของการสื่อสารแบบเคลื่อนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยอัตราการขยายตัวในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 75 และภายในสิ้นปี พ.ศ. 2551 คาดว่าอัตราการขยายตัวจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของอัตราเฉลี่ยของภูมิภาค ทั้งนี้ เป็นเพราะราคาค่าบริการต่อนาทีที่ต่ำลง ซึ่งราคานี้ได้ลดลงมากกว่าร้อยละ
70 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่าการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ได้มีบทบาทช่วยผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจในรูปแบบอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มอัตราการจ้างงาน การสร้างสาธารณูปโภคที่ช่วยให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น และการเป็นแกนหลักของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) “การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นักลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่นและยังเพิ่มเอฟดีไออีกด้วย” มร. อาร์เว โจแฮนเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์กรุ๊ปและหัวหน้าส่วนงานทวีปเอเชีย กล่าว
อีกด้านหนึ่งที่การสื่อสารแบบเคลื่อนที่มีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจคือ ในแง่ของการปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพ ซึ่งในทั้งหกตลาดที่มีการศึกษาพบว่า การเข้าถึงการสื่อสารแบบเคลื่อนที่สามารถพัฒนาการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่ชนบทซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับบริการไม่เพียงพอ
ดร. มั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า “การศึกษาในครั้งนี้ช่วยชี้วัดถึงผลกระทบของเทคโนโลยีซึ่งถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ผลการศึกษายืนยันให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ หากลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีโดยเพิ่มการใช้งานและพัฒนาระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายแบบเคลื่อนที่ของประเทศ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีโครงสร้างการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน อันจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวในภาคอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”
ด้าน ดร. คริส วิลเลียมส์ หุ้นส่วนทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ดีล้อยท์ กล่าว “ในขณะที่เศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่กำลังพัฒนาไปข้างหน้านั้น ความต้องการในโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการสื่อสารที่ก้าวหน้าก็มีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับเช่นกัน ก้าวที่สำคัญต่อไปคือการมอบบริการบรอดแบรนด์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งบริการนี้น่าจะทำให้อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจยิ่งขึ้นไปอีก”
การศึกษาครั้งนี้ยังได้ชี้ให้เห็นประโยชน์ทางอ้อมอื่นๆ ที่ผู้บริโภคในประเทศไทยได้รับจากการขยายตัวของการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ ตัวอย่าง อาทิ ความสัมพันธ์ในสังคมที่เพิ่มขึ้นด้วยการอำนวยความสะดวกให้ครอบครัวและเพื่อนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น การช่วยบรรเทาสาธารณภัย โดยช่วยให้ประชาชนสามารถติดต่อศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และยังช่วยให้ผู้ปกครองสบายใจ โดยสามารถติดต่อกับบุตรหลานได้อยู่เสมอ
เทเลนอร์
เทเลนอร์ คือ หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในโลกและหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการการสื่อสารเคลื่อนที่ทั่วโลกซึ่งเติบโตเร็วที่สุด และเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการทีวี บรอดแบนด์ และโทรศัพท์รายใหญ่ที่สุดในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
เทเลนอร์ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดและก้าวหน้าที่สุดในโลก บริษัทให้บริการในกว่า 12 ประเทศโดยมีลูกค้ารวม 143 ล้านราย ในเอเชีย เทเลนอร์ให้บริการในนาม ดิจิ (มาเลเซีย) ดีแทค (ไทย) แกรมีนโฟน (บังคลาเทศ) และเทเลนอร์ปากีสถาน
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชม www.telenor.com