บริษัท แม็กซ์เซี่ยม ฟายน์ ไวนส์ แอนด์ สปิริตส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด จัดกิจกรรม Workshop Road Shows ในโครงการ “Total Cocktails 2008” เพื่อให้ความรู้ในการผสมเครื่องดื่มคอกเทลกับบาร์เทนเดอร์ในโรงแรมชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ โดยบาร์เทนเดอร์ที่มีชื่อสียงระดับนานาชาติ เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ ความรู้ใหม่ๆ และเทคนิคพิเศษในการผสมเครื่องดื่มคอกเทลส์ชนิดต่างๆ ให้กับบาร์เทนเดอร์เมืองไทย ได้เกิดทักษะความชำนาญในวิชาชีพสามารถเทียบชั้นได้กับบาร์เทนเดอร์ต่างๆ ทั่วโลก ในปีนี้เตรียมเจาะตลาดบนซุปเปอร์พรีเมียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราคา 2,400 บาทขึ้น พร้อมรักษาแชมป์อันดับ 2 ในตลาดเครื่องดื่มวอดก้า
นายอภิชาติ พุฒิวิบูลย์ ผู้จัดการการค้า ประจำประเทศไทย บริษัท แม็กซ์เซี่ยม ฟายน์ ไวนส์ แอนด์ สปิริตส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่ม BOLS, COINTREAU, ABSOLUT และผลิตภัณฑ์ในเครือ อาทิ GALLIANO, JIM BEAM, THE FAMOUS GROUSE, MACALLAN ฯลฯ เปิดเผยว่า Total Cocktails เป็นโครงการที่ริเริ่ม โดย Maxxium Canada เมื่อ 6 ปีก่อน โดยมีสินค้าหลักที่ใช้สำหรับทำการทำค็อกเทล 3 แบรนด์ คือ BOLS, COINTREAU และ ABSOLUT ซึ่งได้จัดกันมาอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ประเทศ เช่น อังกฤษ, ออสเตรเลีย และสเปน ส่วนในประเทศไทยเริ่มเมื่อ 4 ปีก่อนโดยเริ่มต้นแบบเล็กๆ และจำนวนผู้เข้าอบรมไม่มากนัก จนเมื่อปีที่ผ่านมา (2550) จึงมีการจัด Total Cocktails อย่างจริงจัง โดยการเชิญบาร์เทนเดอร์มืออาชีพที่มีชื่อเสียงจากประเทศสวีเดน อย่าง มร.เบน เดวิด ซอรัม (MR. Ben David Sorum) มาเป็นเทรนเนอร์ และเป็นแอมบาสเดอร์ของโครงการ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีบาร์เทนเดอร์ผู้เข้ารับการอบรมกว่า 800 คนทั่วประเทศ ทำให้ในปีนี้จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นให้กับกิจกรรมนี้มากขึ้น
สำหรับกิจกรรม Total Cocktails 2008 นี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว ในการกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าส่ง-ร้านค้าปลีก รวมถึงโรงแรมชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งถือได้ว่า แอมโบรส ไวน์ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้ Maxxium มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ดำเนินงานร่วมงานกันมา โดยในช่วงปี 2550 และต้นปี 2551 ที่ผ่านมา Maxxium มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมเติบโตขึ้นถึง 30% และในปีนี้ทางบริษัทเตรียมเปิดตัวซิงเกิ้ลมอลล์ในตลาดซุปเปอร์พรีเมียมที่ราคาอยู่ระดับ 2,400 บาทขึ้นไปออกสู่ตลาด เพื่อเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดที่บริษัทมีส่วนแบ่งอยู่ในอันดับที่ 2 ของตลาดวอดก้า
กิจกรรม Total Cocktails 2008 จะจัดขึ้นรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือนเต็ม และจัดเดือนละ 6 ครั้ง เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม 2551 ในรูปแบบของการจัดโรดโชว์เชิงปฏิบัติการ (Workshop Road Shows) ตามโรงแรมระดับ 5 ดาวต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และสมุย เป็นต้น โดยสิ่งที่ Total Cocktails แตกต่างจากการอบรมบาร์เทนเดอร์อื่นๆ ก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมทุกคนได้ออกมาทำเครื่องดื่มกับแอมบาสเดอร์ของเราอย่างใกล้ชิด รวมทั้งหลักสูตรการอบรมที่เสริมในเรื่องต่างๆ มากกว่าการทำคอกเทล เช่น บุคลิกภาพของบาร์เทนเดอร์ การอ่านใจลูกค้า และความเข้าใจในเรื่องการรับรสชาด ซึ่งจะมีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าคนไทย รวมทั้ง เราได้เพิ่มความเข้มข้นของหลักสูตรในเรื่องของรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ เช่น การทำค๊อกเทลคลาสิคที่ได้รับความนิยม การเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในการผสมเครื่องดื่มคอกเทลแบบใหม่ๆ เช่น การนำผลไม้พื้นเมืองในไทยมาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถสร้างความสนใจให้กับกลุ่มลูกค้าของโรงแรมและสถานบันเทิงที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การอบรมไม่ได้มุ่งเน้นที่บาร์เทนเดอร์แต่เพียงอย่างเดียว แต่เรารวมถึงผู้จัดการด้านอาหาร และเครื่องดื่ม (F&B Manager) และเจ้าของสถานบันเทิงนั้นๆ ให้มีโอกาสได้เข้าร่วมการอบรมนี้ด้วย เพื่อจะทำให้เขาเหล่านั้นมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องเครื่องดื่มประเภทคอกเทลมากขึ้น และจะส่งผลถึงการจัดการบริหารบาร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวบาร์เทนเดอร์เองก็สามารถทำเครื่องดื่มที่มีรสชาดดีมีคุณภาพให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นด้วย
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า กิจกรรม Total Cocktails ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ นับเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เราจัดให้กับโรงแรม ร้านค้า รวมถึงร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของเรา เป็นกิจกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เรารักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ และยังช่วยในการแสวงหาลูกค้าใหม่ อย่างน้อยให้มีการเกิดประสบการณ์กับแบรนด์ของเรา และนำไปสู่การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ทำเครื่องดื่มคอกเทล จากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง มาใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแทน โดยเรามั่นใจว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน Maxxium ก็จะสามารถทำการตลาด และสร้างการเติบโตดดยรวมของบริษัทได้ ไม่ต่ำกว่า 20% ของปีที่ผ่านมา