บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ ประกาศความสำเร็จขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดกลุ่มเตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ โดยคว้าแชมป์การสร้างยอดจำหน่ายสูงสุด ปี 2550 ในประเทศไทยจากจีเอฟเค พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง นำเสนอสินค้าใหม่พร้อมดำเนินกลยุทธ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Lifestyle Marketing สนองตอบทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค มั่นใจรักษาแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ผลิตภัณฑ์เตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ปี 2551 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5
บริษัท จีเอฟเค มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ได้มอบรางวัล No.1 Award Certificate ให้กับฟิลิปส์ในฐานะที่สามารถสร้างยอดจำหน่ายสูงสุดผลิตภัณฑ์เตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ปี 2550 ทำให้ฟิลิปส์สามารถครองตำแหน่งการสร้างยอดขายสูงสุดทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2547-2550
นายสมชัยกล่าวว่า “ความสำเร็จของฟิลิปส์ในครั้งนี้เป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือการนำเสนอสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพคุ้มค่า คุ้มราคา โดยเมื่อปีที่ผ่านมาฟิลิปส์ได้เปิดตัวเตารีดไอน้ำถึง 15 รุ่น และเครื่องปั่นอเนกประสงค์ 8 รุ่น ซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในทุกกลุ่ม การจัดกิจกรรม roadshow ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าไปในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น และการบริการหลังการขาย ที่มีประสิทธิภาพและกระจายทั่วถึงทุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์บริการโดยแต่งตั้งทั้งสิ้น 115 ศูนย์ทั่วประเทศ ทำให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้สูงสุด”
ในปี 2550 ฟิลิปส์มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เตารีด 53 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นอเนกประสงค์ 40 เปอร์เซ็นต์
นายสมชัยกล่าว ความสำเร็จในปี 2550 ทำให้ฟิลิปส์มั่นใจว่าจะสามารถต่อยอดและดำเนินกิจกรรมการตลาดเพื่อรักษาแชมป์ในปี 2551 ได้ โดยจะตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินกลยุทธ์การตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ Lifestyle Marketing ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการตลาด และการบริการ ที่ได้รับการพัฒนาทั้งคุณภาพและประสิทธิภาพ ให้สามารถสนองตอบตรงตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม สามารถผลักดันให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายในปี 2551 โดยสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในตลาดเตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ไว้ได้แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เป็นอุปสรรค
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ฟิลิปส์นำเสนออกสู่ตลาดจะได้รับการสร้างสรรค์บนพื้นฐานหลัก 3 ประการจากคำมั่นสัญญาของแบรนด์ “sense and simplicity” คือ การออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการผู้บริโภค (Design around you) ใช้งานง่าย (Easy to Experience) และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Advance) ดังนั้นเตารีดไอน้ำฟิลิปส์รุ่นใหม่จะได้รับการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น สามารถรีดผ้าได้เรียบในเวลาอันรวดเร็ว จึงประหยัดพลังงาน และนอกจากจะมีดีไซน์สวยงามแล้วยังได้รับการออกแบบให้เหมาะกับสรีระและลักษณะการใช้งานของผู้บริโภค ทำให้ใช้งานง่าย ช่วยให้งานรีดผ้าเป็นงานที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป และสำหรับเครื่องปั่นอเนกประสงค์ ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพให้สามารถปั่นได้เร็วยิ่งขึ้นและโถปั่นมีความทนทานมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วในการใช้งาน
นายสมชัยกล่าวว่า “สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เตารีด ฟิลิปส์ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากการใช้เตารีดแห้งมาเป็นเตารีดไอน้ำ (Conversion Strategy) และการผลักดันให้ผู้บริโภคเดิมที่ใช้เตารีดไอน้ำอยู่แล้วหันมาใช้เตารีดไอน้ำรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไป (Upgrading Strategy) รวมถึงการนำเสนอราคาของเตารีดไอน้ำที่เจาะตลาดรุ่นพื้นฐานซึ่งมีราคาใกล้เคียงกับเตารีดแห้งมากขึ้น เพื่อสร้างตลาดเตารีดไอน้ำให้มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น จะเห็นได้จากประสบการณ์ในช่วงเวลา 10 ปีที่ฟิลิปส์นำเตารีดไอน้ำเข้ามาสร้างตลาดในประเทศไทย ฟิลิปส์เป็นผู้นำและบุกเบิกในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากการใช้เตารีดแห้งมาใช้เตารีดไอน้ำมากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นว่าในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ในตลาดรวมสัดส่วนของเตารีดไอน้ำเพิ่มขึ้นสูงมากจาก 4 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2541 มาเป็นประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ในปี 2551 นี้
โดยในปีนี้ ฟิลิปส์วางแผนที่จะนำเตารีดรุ่นใหม่กว่า 10 รุ่นเข้าเสริมทัพรุกตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2551 ซึ่งปัจจุบันฟิลิปส์ได้จำหน่ายทั้งเตารีดแห้ง เตารีดไอน้ำ และเตารีดไอน้ำระบบแรงดัน จำนวน 25 รุ่น ราคา 529-25,900 บาท สามารถสนองความต้องการผู้บริโภคทุกกลุ่ม และเตารีดไอน้ำรุ่นพื้นฐานที่ฟิลิปส์ภูมิใจนำเข้ามาเจาะตลาดได้แก่ ฟิลิปส์รุ่น GC1820 ดีไซน์สวยงามสีสันเด่นสะดุดตา มีให้เลือกถึง 5 สี และรูปทรงได้รับการออกแบบให้มีความโค้งมนเหมาะกับลักษณะการใช้งาน สามารถรีดผ้าเรียบได้ในเวลาอันรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยกำลังไฟ 1600 วัตต์ และแผ่นความร้อน Golden Dynaglide สามารถผลิตพลังไอน้ำได้ต่อเนื่อง 20 กรัมต่อนาทีและเพิ่มพลังไอน้ำพิเศษได้ถึง 80 กรัมต่อนาที เพิ่มความสะดวกในการรีดผ้าที่แขวนไว้ด้วยพลังไอน้ำสำหรับการรีดในแนวตั้ง
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นอเนกประสงค์ในปี 2551 นี้ ฟิลิปส์มีวางจำหน่าย 8 รุ่นใหม่ ราคา 1,490 – 4,590 บาท โดยในแต่ละรุ่นมีฟังก์ชั่นและคุณสมบัติที่หลากหลายทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสรรตอบสนองทุกลักษณะการใช้งานได้ อาทิ ผู้บริโภคสามารถเลือกรุ่นที่มีพลังมอร์เตอร์สูงสุดถึง 750 วัตต์ พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่นที่กรองแยกกาก โถบดแห้ง และโถบดสับ เพื่อสรรสร้างเมนูเพื่อสุขภาพตามต้องการ โดยฟิลิปส์ได้นำเสนอเครื่องปั่นอเนกประสงค์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดคือ รุ่น HR2068 กำลังไฟ 600 วัตต์มีใบมีดฟันปลาแบบแยก 4 ทิศทางทำจาก สแตนเลสสตีล สามารถปั่นส่วนผสมได้ทุกประเภท มีที่กรองแยกกากเพื่อแยกกากและเมล็ดออก สามารถทำน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ อาทิ น้ำเต้าหู้ และน้ำธัญพืชได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมโถบดแห้งที่เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานยิ่งขึ้น และโถบดสับสำหรับบดสับอาหารและส่วนผสมที่มีน้ำ ทำให้เพิ่มความหลากหลายในการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
สำหรับแผนการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดในปี 2551 นี้ ฟิลิปส์จะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรม roadshow เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 เปอร์เซ็นต์ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปีนี้เตรียมแผนที่จะเข้าไปร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนการตัดสินใจซื้อ (consumer experience marketing strategy) โดยผลิตภัณฑ์เตารีดจะดำเนินกิจกรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ได้รับการรีดอย่างประณีตจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกที่ดีรวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความเป็นแฟชั่นและทันสมัย สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นอเนกประสงค์ จะดำเนินกิจกรรมภายใต้แนวคิด “Health Marketing” เน้นการสร้างสรรค์เมนูสุขภาพจากทีมโภชนากรและผู้เชี่ยวชาญ
ข้อมูลจากจีเอฟเค ประมาณการณ์ว่า โดยภาพรวมตลาดเตารีดในประเทศไทย ปี 2551 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 4 เปอร์เซ็นต์ จากตลาดรวมมูลค่า 1.21 พันล้านบาท เมื่อปี 2550 และสำหรับสัดส่วนการใช้ระหว่างเตารีดไอน้ำและเตารีดแห้ง ฟิลิปส์คาดว่าจะเปลี่ยนมาเป็น 65: 35 ในปี 2551 จาก 60:40 ในปี 2550 ซึ่งทิศทางการเติบโตจะมุ่งไปที่เตารีดไอน้ำ เพราะผู้บริโภคหันมาใช้เตารีดไอน้ำเพิ่มมากขึ้น
สำหรับตลาดเครื่องปั่นอเนกประสงค์ปี 2551 ข้อมูลจากจีเอฟเค ประมาณการณ์ว่า ตลาดเครื่องปั่นอเนกประสงค์จะมีอัตราเติบโต 5 เปอร์เซ็นต์ จากตลาดรวมมูลค่า 666 ล้านบาทเมื่อปี 2550 ซึ่งปัจจัยหลักในการผลักดันตลาดเติบโตมาจากกระแสความต้องการมีสุขภาพที่ดี
ฟิลิปส์ยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย ปัจจุบันฟิลิปส์มีศูนย์บริการโดยแต่งตั้งทั้งสิ้น 115 ศูนย์ ทั่วประเทศ และมีบริการ Hotline สายด่วน 24 ชั่วโมงสำหรับเตารีดไอน้ำระดับ high-end ที่มีแท็งค์ต้มน้ำแยกออกจากตัวเครื่อง โดยจะให้บริการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับการแจ้ง (จันทร์-เสาร์) ซึ่งครอบคลุมถึงการให้คำแนะนำ การใช้งาน และการตรวจเช็คซ่อมถึงบ้านพร้อมเครื่องสำรองใช้งาน สำหรับ 6 พื้นที่ อันได้แก่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ชลบุรี เชียงใหม่ สุพรรณบุรี ภูเก็ต และสงขลา
นายสมชัยกล่าวว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตผู้บริโภคเปลี่ยนไป จะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนครอบครัวที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม อพาร์ตเม้นท์ และหอพัก ซึ่งผลักดันให้เกิดความต้องการในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมากขึ้น และต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเองและครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทำให้ฟิลิปส์เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนชิ้นเล็กฟิลิปส์ โดยเฉพาะเตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ที่ฟิลิปส์นำเสนอสู่ตลาดในปีนี้จะสามารถสนองตอบต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้มากขึ้น และการดำเนินกลยุทธ์การตลาดที่ตรงต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้นจะทำให้ฟิลิปส์สามารถรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเตารีดและเครื่องปั่นอเนกประสงค์ปี 2551 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ได้”