ลีสซิ่งกสิกรไทยคว้าแชมป์ผู้ให้บริการสินเชื่อรถประจำปี 2551

ลีสซิ่งกสิกรไทยรับตำแหน่งบริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 51 ของไทย จากการตัดสินโดย ฟรอสท์แอนด์ซูลลิแวน บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ยกย่องจุดเด่นด้านกลยุทธ์การให้บริการและบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม สำหรับปี 51 ตั้งเป้าปล่อยกู้ 4.3 หมื่นล้าน

นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ฟรอสท์แอนด์ ซูลลิแวน (Frost & Sullivan Co.,Ltd.) บริษัทด้านการวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ได้จัดโครงการ Automotive Finance Company of The Year 2008 ได้ยกย่องให้บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย เป็นบริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อรถยนต์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2551

บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ซึ่งนับเป็นบริษัทลีสซิ่งใหม่ที่จัดตั้งได้ประมาณ 2 ปีเศษ ที่มีจุดเด่นในด้านการวางกลยุทธ์การตลาดและนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทฯ มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง นับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อกลางปี 2548 โดยในปี 2549 และ 2550 บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทยมีปริมาณสินเชื่อรวมเติบโตขึ้น 294% และ 96% ตามลำดับ

ทั้งนี้กลยุทธ์สำคัญที่บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทยใช้ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับค่ายรถยนต์และบริษัทดีลเลอร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างแน่นแฟ้นในระยะยาว มีการนำเสนอบริการทางการเงินอย่างครบวงจรในนามของเครือธนาคารกสิกรไทย ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยบริการทางการเงินด้านอื่นได้นอกเหนือไปจากบริการสินเชื่อรถ

นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการจัดทำองค์ความรู้ที่เหนือจากบริการทางการเงินแก่ลูกค้าในรูปแบบของ “K-Auto Smile Club” อาทิ การให้บริการความรู้เรื่องรถยนต์ การเตรียมตัวก่อนซื้อหรือขายรถ บริการจัดหาบริษัทผู้ขายรถหรือรับซื้อรถ และการให้บริการแก้ไขปัญหาฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอดจนการจัดกิจกรรมสมนาคุณพิเศษให้แก่ลูกค้า เช่น การให้ทดลองขับขี่รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด หรือกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ เพื่อส่งให้ชีวิตของลูกค้าเป็น “ชีวิตเอกเขนก” โดยจะเริ่มใช้งานได้ในปลายไตรมาสสามของปี 2551 ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย มีความโดดเด่นแตกต่างจากบริษัทลีสซิ่งแห่งอื่น

บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ได้ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2551 รวม 43,200 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 29,700 ล้านบาทและสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีลเลอร์) 13,500 ล้านบาท