พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส เปิดตัว “ฟิลิป สไตน์” เครื่องบอกเวลาเพื่อสุขภาพ

“พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส” รุกตลาดนาฬิการะดับพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2008 ล่าสุดเปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมนาฬิกาเพื่อคนรักสุขภาพ “ฟิลิป สไตน์” (Philip Stein) แบรนด์เนมจากสหรัฐอเมริกาที่นำเทคโนโลยีคลื่นความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า มาบรรจุในนาฬิกาผ่านชิปอัจฉริยะที่สามารถส่งผ่านคลื่นความถี่ที่ตรงกับคลื่นสมองคน ช่วยปรับสมดุลย์ของพลังงานในร่างกาย พร้อมลดความตรึงเครียดและมลภาวะที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์อีเล็คโทรนิคต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ และเสริม สร้างศักยภาพในการทำงาน ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง ไม่กลัวไม่เศรษฐกิจซบ หวังโตเพิ่มอีก 20 % ตั้งเป้า 1 หมื่นเรือน ในราคา 50,000 – 400,000 บาท

นายณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (PMT THE HOUR GLASS) ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาไฮเอนด์ระดับโลก อาทิ Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet, Chopard, Jaeger Le Coultre เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้นำเข้านาฬิกาแบรนด์ “ฟิลิป สไตน์” (Philip Stein) เข้ามาทำตลาดเป็นแบรนด์ล่าสุดในตลาดประเทศไทย หลังจากที่ได้เปิดตัวแบรนด์สุดหรูสำหรับนักสะสมนาฬิกาชั้นสูงไปก่อนหน้านี้ อาทิ Richard Mille,Max Busser & Friends, และ Vianney Halter เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่มีวิถีชีวิตแบบคนเมืองที่เร่งรีบ และวุ่นวายแต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คือลูกค้าระดับพรีเมี่ยมทั้งภายในประเทศและกลุ่มลูกค้าต่างชาติเนื่องจากแบรนด์ฟิลิป สไตน์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์นาฬิการะดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นาฬิกาฟิลิป สไตน์ (Philip Stein) เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งวงการนาฬิกา ที่มีการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่มาบรรจุในนาฬิกา ผ่านชิปอัจฉริยะที่สามารถส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กที่มีความถี่ 7-9 เฮิร์ตซ ซึ่งตรงกับคลื่นความถี่สมองคนเราในขณะที่มีความสงบและมีสมาธิ ดังนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยปรับสมดุลของพลังงานในร่างกายมนุษย์ และส่งผลให้ผู้สวมใส่สามารถต้าน ทานกับความตึงเครียด รวมถึงมลภาวะที่เกิดในชีวิตประจำวัน อาทิ จากการใช้อุปกรณ์อีเล็คโทรนิคต่าง ๆ อย่าง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งผลที่ได้รับกับผู้สวมใส่ก็คือ ความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยทำให้หลับสบายยาวนานยิ่งขึ้น, รู้สึกเครียดลดน้อยลง มีสมาธิในการทำงาน มีพลังงาน รวมถึงการมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น เป็นต้น

“นาฬิกาฟิลิป สไตน์ ทุกเรือนมีความโดดเด่นด้วยตัวเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ และมีฟังก์ชั่นบอกเวลาสองประเทศ มีให้เลือกทั้งตัวเรือนที่เป็นสเตนเลสสตีล และทอง 18K มีทั้งขนาด Mini Case , Small Case , Large Case และ Chronograph รวมถึงมีให้เลือกตั้งแต่ตัวเรือนธรรมดาเรียบเก๋ หรือประดับเพชร และแซฟไฟร์หลากสี และที่ถูกใจสุภาพสตรีที่สุดคือสายนาฬิกาแบบ Interchangaeble ที่มีให้เลือกหลายวัสดุตั้งแต่สายยางแบบสปอร์ต สายหนังคลาสสิค ไปจนถึงสายซาตินสุดหรู และสีสันทุกเฉดสีที่สามารถเปลี่ยนใส่ได้ทุกโอกาสอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ นอกจากนี้ยังมีแบบกำไลและสายรัดข้อมือที่สามารถเป็นเครื่องประดับเพื่อสุขภาพของทุกเพศทุกวัย” นายณรัณ กล่าว

นายณรัณ กล่าวเสริมว่า จากการเก็บข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมการเลือกใช้นาฬิการะดับพรีเมี่ยมของกลุ่มลูกค้านั้นมองว่านาฬิกาที่มีความหรูหรา เป็นสิ่งที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ซึ่งส่งผลให้ตลาดนาฬิการะดับพรีเมี่ยมยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตโดยรวมของนาฬิการะดับ พรีเมียมไม่น้อยกว่าร้อยละ 15-20 และคาดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20 % เช่นกัน และตั้งเป้าในการจำหน่ายนาฬิกาฟิลิป สไตน์ อยู่ที่ 10,000 เรือน โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 – 400,000 บาท

“ช่วงห้าปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นสูงระดับโลกเติบโตเป็นอย่างมาก ส่วนในภูมิภาคเอเชีย ความต้องการเครื่องบอกเวลาชั้นสูงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และถึงแม้ว่าประเทศไทยจะประสบกับสภาวการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจกลุ่มนาฬิกาชั้นสูงกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ในทางกลับกันพี เอ็ม ที เดอะ อาวร์ กลาส มีอัตราการเติบโตร้อยละ 35 ต่อปีในช่วงสามปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการนาฬิกาแบรนด์เนมในหมู่ผู้บริโภคมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ส่วนการเปิดตัวนาฬิกาฟิลิป สไตน์ ในครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกสรรค์ผลิตภัณฑ์นาฬิการะดับพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีวิถีชีวิตแบบคนเมือง” นายณรัณ กล่าว

สำหรับบริษัท PMT THE HOUR GLASS ผู้นำในการจัดจำหน่ายและผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาชั้นนำระดับโลกเกิดจากการรวมตัวของ Prima Times Co., Ltd. และ The Hour Glass Thailand เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยการรวมตัวกันของทั้งสองบริษัทชั้นนำในครั้งนี้ เป็นการผสานความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างลงตัว ที่ทำให้ PMT THE HOUR GLASS มีจำนวนแบรนด์และสินค้าที่หลากหลาย มีจำนวนร้านสาขาครอบคลุมแหล่งช้อปปิ้งระดับไฮเอนด์ชั้นนำ และมีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำของกรุงเทพฯ 3 สาขา ได้แก่ “PMT THE HOUR GLASS” สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน, ศูนย์การค้าเกษร และ ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ และ Chopard Boutique หนึ่งสาขาที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน