เครื่องบิน A 380 ลำแรกเข้าประจำฝูงบินของเอมิเรตส์

จากภาพ:ลูกเรือของสายการบินเอมิเรตส์ยืนอยู่ในภาพใกล้กับเครื่องบิน A380 เพื่อแสดงให้เห็นขนาดจริงของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวที่เอมิเรตส์เพิ่งจะได้รับการส่งมอบที่เมืองฮัมบูร์ก

สายการบินเอมิเรตส์ได้รับการส่งมอบ “เครื่องบินยักษ์” แอร์บัส A380 ลำแรก ณ ศูนย์ส่งมอบเครื่องบิน A380 ของโรงงานผลิตเครื่องบินแห่งใหม่ เจอร์เก้น โธมัส

ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือ เป็นผู้รับมอบเครื่องบินดังกล่าว ณ พิธีส่งมอบเครื่องบินโดยมีนายทิม คลาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเอมิเรตส์, นายทอม เอนเดอร์ส ประธานของแอร์บัส, นายบรูซ ฮิวจ์ ประธานบริหารเอ็นจิ้น อลิอันซ์, นายเจอร์เก้น โธมัส “บิดาผู้สร้างสรรค์” A380 พร้อมทั้งพนักงานแอร์บัสประจำฮัมบูร์กจำนวน 2,000 คนที่มีส่วนร่วมในการผลิตเครื่องบิน A380 และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์จำนวน 58 คนที่สื่อถึงจำนวนเครื่องบิน A380 ที่สายการบินเอมิเรตส์ได้ทำการสั่งซื้อ นอกจากนั้นยังมีสื่อมวลชนต่างประเทศ แขกผู้มีเกียรติและแขกที่ได้รับเชิญ

ชี้ค อาเหม็ด กล่าวว่า ถึงแม้ว่าสายการบินเอมิเรตส์จะไม่ใช่สายการบินแห่งแรกที่ได้รับเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ แต่เอมิเรตส์เป็นสายการบินแรกที่ได้สั่งซื้อเครื่องบินนี้เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา

ในเดือนกรกฎาคม 2543 สายการบินเอมิเรตส์เป็นสายการบินแรกที่ลงนามในเจตนารมย์สั่งซื้อเครื่องบินพานิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเริ่มต้นจากยอดสั่งซื้อจำนวน 7 ลำ และเพิ่มอีก 5 ลำในเวลาต่อมา ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณห้าหมื่นหนึ่งพันล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 สายการบินเอมิเรตส์ได้ยืนยันการสั่งซื้อทั้งหมดเป็นจำนวน 58 ลำ

“เรายืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างมากต่อ A380” ชี้ค อาเหม็ดกล่าว “การลงทุนของเราในการซื้อเครื่องบิน รวมถึง เครื่องยนต์ และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่องบินนั้นมีมูลค่ามากกว่า 32 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) โดยเงินลงทุนที่ประเทศเยอรมันนีที่เดียวสูงถึง 12 พันล้านยูโร (ประมาณ 6 แสนล้านบาท)

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เครื่องบินแอร์บัสเป็นเครื่องบินที่ ช่วยลดมลภาวะ สะอาดยิ่งขึ้น เงียบกว่าเดิม และนำมาใช้ได้อย่างฉลาดมากขึ้น”

นายเอนเดอร์สได้พา ชี้ค อาเหม็ดชมเครื่องบิน A380 พร้อมทั้งกล่าวถึงบทบาทสำคัญของสายการบินเอมิเรตส์ในการพัฒนา และส่งมอบเครื่องบินลำประวัติศาสตร์นี้ว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่สายการบินเอมิเรตส์มีความมั่นใจต่อแอร์บัส”

เครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ จีพี7200 จาก เอ็นจิ้น อลิอันซ์ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 500,000 ลิตร/ลำ/ปี มากกว่าเครื่องยนต์ประเภทอื่นๆที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน

นายฮิวจ์ ได้เน้นถึงประโยชน์ของเครื่องยนต์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมว่า “เครื่องบิน A380 รุ่นแรกเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนว่า ส่งเสียงรบกวนต่อสนามบินน้อยกว่า ประหยัดพลังงาน และลดความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศ ซึ่งสายการบินเอมิเรตส์ยึดถือความคิดนี้มากกว่าสายการบินอื่นๆ ในโลก”

เครื่องบินของสารบินเอมิเรตส์รุ่นดังกล่าวได้รับการออกแบบให้ใช้พลังงานอย่างประหยัดในอัตรา 3.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรของการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งเป็นอัตราที่ดีกว่า พรีอุส ยานพาหนะผสมสำหรับผู้โดยสารของโตโยต้าที่ใช้น้ำมัน 4.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรของการเดินทางของผู้โดยสาร อีกทั้งยังได้มาตรฐานระดับ 3 ของสหภาพยุโรป รวมทั้งมาตรฐานระดับ 4 ในด้านเสียงด้วย

หลังจากการเปิดตัวเครื่องบิน A380 ชี้ค อาเหม็ด และ นายทิม คลาร์ก ได้เผยโฉมห้องผู้โดยสารภายในเครื่องบินที่แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนึ่ง จำนวน 14 ที่นั่ง ชั้นธุรกิจ จำนวน 76 ที่นั่ง และชั้นประหยัด จำนวน 399 ที่นั่ง

สายการบินเอมิเรตส์ได้ทุ่มทุนอย่างมหาศาลในการเนรมิตสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บนเครื่องบินเพื่อให้เครื่องบิน A380 ของเอมิเรตส์ออกมาดีที่สุดและให้ความสบายแก่ผู้โดยสารมากที่สุดในขณะเดินทาง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนที่หรูหราที่สุดของเครื่องบินคือห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ที่มีห้องอาบน้ำแบบสปา ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอาบน้ำสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

สายการบินเอมิเรตส์ยังได้เปิดตัวพื้นที่รับรองผู้โดยสารบนเครื่อง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณชั้นธุรกิจเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ พื้นที่รับรองผู้โดยสารดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกเหมือนอยู่ในคลับหรูหราส่วนตัว ห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่งยังมีบริเวณสำหรับสังสรรค์และบาร์ให้บริการอยู่ ณ ชั้นบนของเครื่องบิน

ผู้โดยสารจะเห็นถึงความแตกต่างใหม่ในชั้นประหยัดได้อย่างชัดเจน โดยจะมีผนังที่ทอดยาวออกไปที่ให้ความรู้สึกถึงพื้นที่ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีระบบปรับแสงตามอารมณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น พร้อมทั้งห้องผู้โดยสารที่ให้เงียบมากกว่าเดิม ซึ่งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้โดยสารจากการเดินทางเป็นเวลานาน

ลูกเรือที่ให้บริการบนเครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักที่ Emirates Crew Training College ในดูไบเพื่อให้บริการบนเครื่องบินใหม่นี้ และเป็นครั้งแรกที่สายการบินเอมิเรตส์ได้ฝึกฝนผู้ช่วยด้านบริการในห้องผู้โดยสาร (Cabin Service Assistants) ให้ดูแลห้องอาบน้ำแบบสปา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าห้องอาบน้ำจะสะอาดทุกครั้งหลังการใช้

การส่งมอบเครื่องบินในครั้งนี้ส่งผลให้สายการบินเอมิเรตส์มีฝูงบินในปัจจุบันจำนวน 118 ลำ ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องบินผู้โดยสารจำนวน 108 ลำ และเครื่องบินขนส่งสินค้าจำนวน 10 ลำ

เครื่องบิน A380 จำนวน 58 ลำที่สั่งซื้อ นับเป็นส่วนหลักสำคัญในความมุ่งมั่นในการขยายการเติบโตของเครือข่ายสายการบินเอมิเรตส์ เพื่อจุดประสงค์ในการให้บริการตามเส้นทางบินในเมืองใหญ่ใน 6 ทวีปได้อย่างทั่วถึง เครื่องบินลำแรกที่ได้รับการส่งมอบนี้จะนำไปใช้ในการให้บริการในเส้นทาง ดูไบ-นิวยอร์ค โดยจะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ A380 ลำแรกที่ให้บริการระหว่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศสหรัฐอเมริกา

สายการบินเอมิเรตส์จะได้รับเครื่องบินยักษ์รุ่นดังกล่าวเป็นจำนวน 5 ลำในรอบปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 และจะได้รับการส่งมอบอีก 53 ลำที่เหลือภายในเดือนมิถุนายน 2556 เครื่องบินลำตัวกว้างทั้ง 5 ลำดังกล่าวที่ประกอบไปด้วยที่นั่งจำนวน 489 ที่นั่งจะนำไปให้บริการในเส้นทางที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด ซึ่งได้แก่ นิวยอร์ค ลอนดอน ฮีทโทรว์ (1 ธันวาคม) ซิดนีย์และโอ๊คแลนด์ (1 กุมภาพันธ์ 2552)

เครื่องบิน A380 ที่สายการบินเอมิเรตส์สั่งซื้อแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ประเภทแรก ห้องผู้โดยสารความยาวขนาดกลาง และให้บริการที่นั่ง 3 ชั้นจำนวน 517 ที่นั่ง และอีกประเภทหนึ่ง ห้องผู้โดยสารความยาวขนาดกลางเช่นกัน แต่ให้บริการที่นั่ง 2 ชั้นจำนวน 604 ที่นั่ง

นับจนปัจจุบัน สายการบินเอมิเรตส์ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดที่สั่งซื้อเครื่องบินขนาดยักษ์ A380 จะให้บริการในเกือบจะทุกเส้นทางทั่วโลก เรียกได้ว่า หากผู้โดยสารคนหนึ่งเดินทางบนเครื่องบินรุ่น A380 เท่ากับว่า 1 ใน 4 ของการเดินทางของผู้โดยสารคนนั้นจะเป็นการเดินทางกับสายการบินเอมิเรตส์

เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของเครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบเวลา 11.00 น. ในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคมเพื่อไปยังนิวยอร์ค โดยเครื่องบินลำดังกล่าวจะไปถึงยังสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเที่ยวบินนี้ที่มีผู้โดยสารจองเต็มแล้วจะใช้เวลาประมาณ 12.5 ถึง 13 ชั่วโมงในการเดินทาง เมื่อเทียบกับ 14 ชั่วโมงในการเดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777

เกี่ยวกับสายการบินเอมิเรตส์
สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมานานกว่า 17 ปี ปัจจุบัน จากกรุงเทพฯ ให้บริการ 19 เที่ยวบินต่อสัปดาห์สู่ดูไบ, 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์สู่ฮ่องกง และ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์สู่ซิดนีย์และโอ๊คแลนด์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเวปไซต์ www.emirates.com/th หรือติดต่อ 02-664-1040-4