ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) เผยผลประกอบการครึ่งปี 2551 กำไรสุทธิเพิ่ม 21.24 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตเกือบ 590% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ผลดำเนินการเฉพาะไตรมาสสองของปีนี้เติบโต 7.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 191.25% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ระบุเหตุจากการปรับปรุงการให้บริการที่กว้างขวางและครอบคลุมความต้องการลูกค้ามากยิ่งขึ้น ส่งผลยอดสินเชื่อรถยนต์มือสองโดยเฉพาะรถแนวซิตี้คาร์และรถกระบะขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภายใน อาทิการติดตามหนี้สินและการจัดเก็บรายได้ที่มีความต่อเนื่อง เตรียมปันผลระหว่างกาล 0.02 บาท กันยายน 2551 ล่าสุดประกาศชัดยังคงสานต่อแผนขยายการเติบเติบโตทั้งปีกว่า 20% หรือเป็นมูลค่าเกือบ 700 ล้านบาท
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ECL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2551 มียอดกำไรสุทธิ 7.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกินจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาดทุนสุทธิ 7.89 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตกว่า 191.25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานสะสม 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2551 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 17.64 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนของปีที่ผ่านมาที่มีผลขาดทุนสุทธิ 3.60 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 21.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 590 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับปรุงการให้บริการที่กว้างขวางและครอบคลุมความต้องการลูกค้ามากยิ่งขึ้น ส่งผลยอดสินเชื่อรถยนต์มือสองโดยเฉพาะรถแนวซิตี้คาร์และรถกระบะขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การบริหารงานภายใน มีการเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การติดตามหนี้สินและการจัดเก็บรายได้ที่มีความต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีผลกำไรที่เติบโตอย่างชัดเจนและโดดเด่นมากดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีการเสนอจ่ายปันผลในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น โดยจะดำเนินการปันผลระหว่างกาลภายในเดือนกันยายน 2551 ด้วย
“ ผลประกอบการของ ECL ในรอบ 6 เดือนของปีนี้ นับว่ามีความโดดเด่นมาก เนื่องจากบริษัทมีการปรับปรุงทั้งด้านการบริการและด้านการบริหารงานภายใน อาทิ บริษัทฯ ได้มีรายได้จากการให้เช่าซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยในงวด 3 เดือน และ 6 เดือนของปีนี้ มีจำนวน 27.73 ล้านบาท และ 55.40 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.73% และ 6.50% ตามลำดับ ส่วนการบริหารหนี้สูญรับคืน ในช่วง 6 เดือนของปีนี้ มีจำนวน 1.54 ล้านบาท โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนถึง 305.26% เนื่องจากบริษัทฯ มีการติดตามหนี้ที่ได้ตัดหนี้สูญเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ได้รับชำระหนี้คืนเพิ่มขึ้นนั่นเอง” นายดนุชา กล่าว
นอกจากนี้ ผลกำไรของบริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการที่บริษัทฯ มีรายได้จากค่าปรับและรายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น โดยในรอบ 6 เดือนของปีนี้ประมาณ 9.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณร้อยละ 57.97 รวมถึงผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง โดยในช่วง 6 เดือนของปีนี้ มีจำนวนเพียง 2.49 ล้านบาท หรือมีอัตราส่วนลดลงถึงร้อยละ 84.49 ด้วย
นายดนุชา กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ มีสัดส่วนประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแทบจะไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว และเท่าที่พิจารณาดูคู่แข่งธุรกิจลีสซิ่งหลายๆ ราย ก็แทบจะไม่ขยายอัตราการเติบโตของสินเชื่อรถยนต์มากนัก ทั้งนี้คงเป็นเพราะอยู่ในช่วงการจับตาดูแผนการทำตลาดธุรกิจลีสซิ่งของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่หลังจากประเทศไทยมีการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา ยอดการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสสุดท้าย ก็เริ่มมีการการปรับตัวที่ชัดเจน มาจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ด้วย
นายดนุชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการขยายสินเชื่อโดยรวมประมาณ 700 ล้านบาท โดยจะทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มจำนวนทีมงานฝ่ายขายและการให้บริการด้านสินเชื่อ โดยเน้นเรื่องการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น สำหรับพื้นที่เป้าหมายนั้นยังคงเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นฐานตลาดเดิมของ ECL นอกจากนี้จะมีการขยายตัวไปรุกตลาดที่เป็นเมืองสำคัญในภาคอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างมีวินัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของ ECLมีความแข็งแกร่ง และรองรับเป้าหมายการเติบโตได้อย่างมีศักยภาพสูงสุด