ควอลลีเทค โชว์ผลงานไตรมาส 2 กำไรพุ่ง 30.95 % เผยธุรกิจเติบโตตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี เปิดชื่อลูกค้ารายใหญ่อย่าง ปตท. เชฟรอน บางจาก ให้ความไว้วางใจให้งานทดสอบและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ยืนยันความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ ปีนี้
นายสรรพัชญ์ รัตคาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทดสอบและตรวจสอบวัสดุทางวิศวกรรมชั้นนำของไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพโดย ISO 9001 : 2000 และ ISO 17025 เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสสองของปี 2551 (เมษายน-มิถุนายน 2551) บริษัทฯ มีรายได้รวม 55.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.39 % จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 50.98 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 9.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.95 % จากงวดเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7.40 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 (มกราคม-มิถุนายน 2551) มีรายได้รวมจำนวน 109.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 107.3 ล้านบาท คิดเป็น 2.20 % ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 21.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.56 ล้านบาท หรือ 19.83 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 17.95 ล้านบาท
นายสรรพัชญ์ กล่าวว่า กำไรไตรมาส 2/2551 และครึ่งปีแรกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้นสอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีในประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้การทดสอบและตรวจสอบทางวิศวกรรม
ขณะเดียวกันบริษัท ฯ มีจุดแข็งในเรื่องของความเชี่ยวชาญในธุรกิจจากประสบการณ์ในการดำเนินงานมาตลอดเกือบ 20 ปี และถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 31% ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำในธุรกิจพลังงานหลายราย
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2551 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยเราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานยักษ์ใหญ่หลายราย เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด” นายสรรพัชญ์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 คาดว่าจะยังมีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากการให้ บริการทั้ง 2 ประเภทคือการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing) หรือ NDT และการตรวจสอบเพื่อรับรองคุณภาพ (Inspection & Certification) ซึ่งรวมไปถึงการตรวจสอบและรับรองถังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวและระบบท่อของก๊าซ LPG และ NGV/CNG
ทั้งนี้ จากแนวโน้มการเติบโตในธุรกิจนี้ ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และมีแผนในการขยายธุรกิจทั้งในส่วนการบริการ และการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนในเครื่องมือใหม่ๆ ที่มีความทันสมัย นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายพื้นที่ให้บริการที่สำนักงานใหญ่ จังหวัดระยอง เพื่อรองรับการขยายงานอีกด้วย
“ขณะนี้ข้อมูลการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปของบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งหากได้รับอนุมัติก็พร้อมจะดำเนินการทันที และเชื่อว่าบริษัทจะเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนในตลาดเอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปีนี้” นายสรรพัชญ์ กล่าว