บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สานฝันเยาวชนไทยให้มีอนาคตทางด้านกีฬาอย่างต่อเนื่องกับโครงการ CSR “แสนสิริเพื่อเยาวชน” ชูกีฬาคือยาวิเศษ มุ่งพัฒนาทักษะทางกีฬาฟุตบอล นำทีมแสนสิริเพื่อเยาวชนขยายเครือข่ายความสามารถด้วยการไปเตะแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมฟุตบอลระดับเยาวชนในองค์กร สถาบันการศึกษาอื่นๆ และร่วมเทศกาลการแข่งขันตลอดทั้งปี
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากการที่บริษัทฯ ได้จัดตั้งโครงการแสนสิริเพื่อเยาวชนขึ้น เพื่อเป็นการสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคม (CSR: Corporate Social Responsibility) ด้วยการเปิดสอนฟุตบอลให้แก่เยาวชนอายุตั้งแต่ 6-16 ปี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ สนาม Wit Soccer พุทธมณฑลสาย2 ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ที่รับผิดชอบในการจัดหาสตาฟฟ์โค้ชระดับ A/ B License มาพัฒนาทักษะทางด้านการกีฬาให้กับเด็กๆ ซึ่งทางแสนสิริมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคม ด้วยการส่งเสริมให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มากขึ้น ทั้งยังปลูกฝังให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจทั้งในภาคทฤษฎีและการปฏิบัติ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักกฎกติกามารยาทในสนาม และการเล่นเป็นทีมเวิร์คอีกด้วย
โดยตลอดปี 2551 นี้ โครงการแสนสิริเพื่อเยาวชนได้สนับสนุนให้เด็กๆ ในโครงการ ได้มีสถานที่สำหรับเรียน ฝึกซ้อม และพัฒนาทักษะทางด้านฟุตบอล ทั้งการจัดหาสนามกีฬาและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องชุดกีฬา น้ำดื่ม ค่าเบี้ยเลี้ยงของโค้ช การบำรุงรักษาสนาม รวมทั้งการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ในสนาม รวมถึงการขยายความต่อเนื่องกับเครือข่ายทีมฟุตบอลในองค์กรอื่นๆ พัฒนาความสามารถทักษะการเล่นฟุตบอลด้วยการนำทีมไปเตะแข่งขันใน Match กระชับมิตรในการแข่งขันกับองค์กร สถาบันต่างๆ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ ให้กับทีมฟุตบอลเยาวชน เช่นล่าสุด กับการแข่งขันกับทีมฟุตบอลเยาวชน Thai Bev ที่สนามฟุตบอลมีสุวรรณ ใกล้สี่แยกเหม่งจ๋าย, การแข่งขันของราชกรีฑาสโมสร และการแข่งขันกับทีมฟุตบอลเยาวชนโรงเรียนกีฬาในต่างจังหวัด เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อเดือนประมาณ 200,000 บาท หรือประมาณปีละ 2,000,000 กว่าบาท
“การจัดโครงการเพื่อมอบสิ่งที่ดีกลับคืนสู่สังคมนั้น เป็นสิ่งที่แสนสิริให้ความสำคัญอยู่แล้ว โดยตั้งใจยึดปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี แต่ที่ผ่านมาเราทำในรูปของการบริจาคมากกว่า ซึ่งโครงการแสนสิริเพื่อเยาวชนได้เริ่มต้นอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มาถึงตอนนี้นับว่าประสบความสำเร็จมาก มีเด็กๆเข้าร่วมโครงการเป็นประจำกว่า 100 คน และจัดแบ่งเป็นกลุ่มเด็กเล็ก 5-8 ขวบ กลุ่ม 8-10 ขวบ กลุ่ม 10-12 ขวบ และ 13-16 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มเยาวชนที่รักในกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว ซึ่งแสนสิริมุ่งหวังที่จะทำให้โครงการนี้ยั่งยืนต่อเนื่องต่อไป” คุณเศรษฐากล่าว
ทั้งนี้ การที่คุณเศรษฐาเลือกสนับสนุนกีฬาฟุตบอล เนื่องจากมีใจรักในการเล่นกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว อีกทั้งยังเคยมีโอกาสดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติไทยชุดฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ และรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 จึงทำให้เกิดความผูกพันกับกีฬาประเภทนี้ยิ่งขึ้น ตลอดจนฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทำให้คนไทยมีความสามัคคี และปรองดองกัน ซึ่งจะเห็นได้จากการที่คนไทย ร่วมกันเชียร์ทีมชาติไทยทุกครั้งที่มีการแข่งขัน และแน่นอนสำหรับเด็กๆ และเยาวชนไทยแล้ว จะเป็นการช่วยให้พวกเขาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด ซึ่งหวังไว้ว่าโครงการแสนสิริเพื่อเยาวชนนี้ จะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลอย่างถูกต้อง รวมถึงช่วยส่งเสริมไปในระดับทีมชาติ เพื่อพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอลไทยให้มีคุณภาพมากขึ้นในระยะยาวด้วย
และเป้าหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือความคาดหวังว่าบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเห็นตัวอย่างจากแสนสิริแล้ว ก็น่าจะเข้ามาสนับสนุนเด็กๆ ในเรื่องกีฬาด้วยเช่นกัน และโครงการนี้จะพัฒนาต่อเนื่องไปอีกนาน เพราะได้การตอบรับจากผู้ปกครอง และเด็กๆ เป็นอย่างดี ซึ่งนี่คือเป้าหมายทั้งหมดของโครงการ “แสนสิริเพื่อเยาวชน” ซึ่งเป็นวิธีคิดอีกรูปแบบหนึ่งในการทำ CSR ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อันเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ใน 3 ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยนั่นเอง