ฟิลิปส์ คว้ารางวัล Business Award ในสาขาบริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแห่งปี 2551

บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับเลือกจากหอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย และหอการค้าเบลเยี่ยม-ลักซ์แซมเบอร์ก/ ไทย ให้เข้ารับรางวัล Business Award ในสาขา “บริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแห่งปี 2551” (Best Environment Friendly Company of the year) ในฐานะที่เป็นผู้กระตุ้นและนำเสนอโซลูชั่นเพื่อการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ พร้อมๆ ไปกับการดำเนินโปรแกรม EcoVision ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานเพื่อให้สามารถลดการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และลดภาวะโลกร้อนได้มากที่สุด

รางวัล Business Award เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ หอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย และหอการค้าเบลเยี่ยม-ลักซ์แซมเบอร์ก/ ไทย ได้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10 เพื่อคัดเลือกและมอบรางวัลให้กับบริษัทฯ ที่ประสบความสำเร็จในการบริหารและดำเนินธุรกิจโดยในปี 2551 ได้แบ่งรางวัลออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Best Multinational Company (MNC), Best Small Company (SME or start-up), Best Service Business และ Best Environment Friendly Company/Project

ในปีนี้ นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับรางวัล Business Award ในสาขา “บริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแห่งปี 2551” (Best Environment Friendly Company of the year) จากหอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย และหอการค้าเบลเยี่ยม-ลักซ์แซมเบอร์ก/ไทย ในงาน NTCC/Beluthai 10th Annual Business Award เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2551 ณ โรงแรมคอนราด

นายประกรณ์ กล่าวว่า “ฟิลิปส์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Best Environmental Friendly Company of the year และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟิลิปส์ได้รับรางวัลนี้ เป็นเพราะฟิลิปส์ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและมุ่งมั่นในพัฒนานวัตกรรมที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อเดือนกันยายน 2550 ฟิลิปส์ทั่วโลกได้ประกาศโปรแกรม Eco Vision 4 ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินงานระหว่างปี 2550 – 2555 มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือการตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Product) เป็น 30 เปอร์เซ็นต์ในปี 2555 จาก 15 เปอร์เซ็นต์ในปี 2549 การมีแผนลงทุน 1 พันล้านยูโร หรือ 47,000 ล้านบาท ในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงานของบริษัทฯ ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ และยังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นเพื่อการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เพราะปัจจุบันจากการใช้พลังงานทั้งหมด 20 เปอร์เซ็นต์มาจากการใช้พลังงานไฟฟ้าแสงสว่าง หากมีการเปลี่ยนมาใช้โซลูชั่นแสงสว่างประหยัดพลังงานจะสามารถช่วยแก้ปัญหาวิกฤตด้านพลังงานและปัญหาภาวะโลกร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ได้”

เมื่อกลางปี 2550 ฟิลิปส์ทั่วโลก ได้ประกาศแคมเปญ Make A Simple Switch รณรงค์ให้ผู้บริโภคประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงเปลี่ยนจากการใช้หลอดไส้มาใช้หลอดประหยัดไฟสำหรับผู้บริโภคทั่วไป และเปลี่ยนจากเทคโนโลยีแสงสว่างแบบเดิมมาใช้เทคโนโลยีแสงสว่างประหยัดพลังงานแบบใหม่สำหรับภาคธุรกิจ โดยสำหรับภาคครัวเรือน ฟิลิปส์นำเสนอโซลูชั่นเพื่อการประหยัดพลังงานด้วยวิธีง่ายๆ เพียงเปลี่ยนจากการใช้หลอดไส้มาเป็นหลอดประหยัดไฟ เพียง 1 หลอด จะสามารถประหยัดพลังงานได้ทันที 80 เปอร์เซ็นต์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้ถึง 328 กิโลกรัม สำหรับภาคธุรกิจ หากเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีแสงสว่างเพื่อการประหยัดพลังงาน จะทำให้โดยเฉลี่ยสามารถประหยัดพลังงานไปได้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 106 พันล้านยูโร หรือ 5,300 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบได้กับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้ถึง 555 ล้านตันต่อปี หรือ ลดความต้องการน้ำมันได้ 1.5 ล้าน บาเรลต่อปี

สำหรับประเทศไทย ฟิลิปส์ได้ดำเนินนโยบายและกิจกรรมที่สนองรับกับบริษัทแม่ โดยเมื่อปี 2550 ฟิลิปส์ได้เริ่มกิจกรรมในภาคครัวเรือนด้วยแคมเปญ Make a Simple Switch เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยวิธีการง่ายๆ ด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการใช้หลอดไส้มาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลิปส์ลดราคาหลอดประหยัดไฟรุ่น Essential จากราคา 135 บาท มาอยู่ที่ 80 บาท พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่กระตุ้นความต้องการหลอดประหยัดไฟในประเทศไทย เพื่อสื่อสารถึงวิธีการประหยัดพลังงานแบบง่ายๆ ที่ทุกๆคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าใช้จ่ายสูงสุด 80 บาทต่อเดือน และสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ในปี 2551 ฟิลิปส์ร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ “ลดค่าไฟ คลายโลกร้อน” เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคไทยหันมาใช้หลอดประหยัดไฟ เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดค่าไฟ และลดภาวะโลกร้อน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ในราคาพิเศษสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งฟิลิปส์สามารถกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านทางร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) 4,300 สาขา

เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ฟิลิปส์เปิดแคมเปญใหม่ ข้าวกล้องประหยัดไฟ “1 อิ่มช่วยชาติ” กับหลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมา “รักสุขภาพ” และ”รักษ์โลก” ด้วยการรับประทานข้าวกล้องที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในขณะเดียวกันกระบวนการผลิตข้าวกล้องยังประหยัดพลังงานได้ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการผลิตข้าวขาว และใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์เพื่อประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน โดยข้าวกล้องหอมมะลิ 100 กรัม ที่ฟิลิปส์ได้นำมาเข้าร่วมแคมเปญนี้มาจากบริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อซื้อหลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ แพ็ค 2 หลอด ในรุ่น ซูเปอร์คุ้ม (Essential) จีนี่ (Genie) และ ทอร์นาโด (Tornado) ในทุกสี ทุกขนาดวัตต์ และหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ฟิลิปส์ซูเปอร์ขั้วเขียว ทุกสี และหลอดฟลูออเรสเซ็นต์รุ่น TLD 54 แพ็ค 3 หลอด ในขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 12 สิงหาคม – 5 ธันวาคม 2551

สำหรับภาคธุรกิจ ฟิลิปส์ดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้โซลูชั่นแสงสว่างที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมหลักดังต่อไปนี้

-ฟิลิปส์ได้จัดสัมมนาในหัวข้อ Philips Energy Efficient Lighting Solution ทั่วประเทศ ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม ถนน และไฟป้ายโฆษณา โดยในปี 2550 ฟิลิปส์ได้จัดการสัมมนา 25 ครั้ง ใน 7 จังหวัด และ ในปี 2551 มีแผนที่จะจัดสัมมนา 30 ครั้ง ใน 10 จังหวัด

-ฟิลิปส์ร่วมมือกับสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการบริการที่ปรึกษาการปรับปรุงอาคารอนุรักษ์พลังงานให้กับผู้ประกอบการธุรกิจที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบแสงสว่างในกลุ่มประหยัดพลังงานของฟิลิปส์ ในปี 2550

-ฟิลิปส์ร่วมมือเทสโก้ โลตัส และสถาบันวิจัยพลังงาน โดยที่ เทสโก้ โลตัส เลือกฟิลิปส์เป็นพันธมิตรหลักในกรณีที่ เทสโก้ โลตัส จะเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์แสงสว่างประหยัดพลังงาน ระหว่างปี 2550-2552 โดยโครงการแรกคือ ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาศาลายา (โครงการอาคารสีเขียวของเทสโก้ โลตัส) ฟิลิปส์ติดตั้งโซลูชั่นแสงสว่างประหยัดพลังงานได้แก่ ผลิตภัณฑ์หลอดฟลูออเรสเซนต์ผอมใหม่ T5 ขนด 28 วัตต์ (จากเดิม 36 วัตต์) พร้อมระบบ ที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และไฟป้าย Pylon Signage เทคโนโลยี LED (Light Emitting Diode) ยังประหยัดพลังงานถึง 80 เปอร์เซ็นต์

-ฟิลิปส์ติดตั้งโซลูชั่นแสงสว่างสำหรับสนามกีฬาที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ณ จังหวัดนครราชสีมา ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 24 และ อาเซียน พาราเกมส์ครั้งที่ 4 ในระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2551 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา

-ฟิลิปส์เปิดโครงการ “ฟิลิปส์ เติมยิ้ม สิ่งแวดล้อม” เพื่อบริการจัดการหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่หมดอายุอย่างถูกวิธีด้วยวิธีการรีไซเคิล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ และเจ้าของโรงงาน

นายประกรณ์ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายเพื่อการบริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของฟิลิปส์ยังครอบคลุมถึงการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะฟิลิปส์เชื่อมั่นว่าการเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจต้องดำเนินไปพร้อมๆกับการเพิ่มพูนความมั่นคงและยั่งยืนให้กับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ดังนั้นโครงการเพื่อสังคมต่างๆของฟิลิปส์ จึงขึ้นอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรณรงค์ให้สังคมได้ตระหนักและหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกันต่อสู้ปัญหาภาวะโลกร้อนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับโลก

โดยเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ฟิลิปส์ได้ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดโครงการ “80 โรงเรียน 80 ชุมชน ร่วมใจประหยัดไฟ ถวายองค์ราชัน”เข้าไปเปลี่ยนหลอดประหยัดไฟให้กับ 80 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยเปลี่ยนจากหลอดไส้มาเป็นหลอดประหยัดไฟ ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้ 80เปอร์เซ็นต์ และเปลี่ยนจากหลอดฟลูออเรสเซ็นต์รุ่นธรรมดามาเป็นหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ซูเปอร์ขั้วเขียว ซึ่งประหยัดไฟโดยให้แสงมากกว่าเดิม 25-30 เปอร์เซ็นต์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีปริมาณสารปรอทเพียง 3 มิลลิกรัม และยังร่วมรณรงค์ให้ประชาชนใน 80 ชุมชนใกล้ๆกับโรงเรียนนำหลอดไส้ที่ใช้อยู่มาแลกกับหลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ เพื่อนำกลับไปใช้ที่บ้านเพื่อการประหยัดไฟ

สำหรับในปี 2551 นี้ ฟิลิปส์ได้จัดโครงการ “ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง” โดยติดตั้งระบบไฟสำหรับสนามกีฬาประหยัดพลังงานมาตรฐานระดับโลกซึ่งประหยัดพลังงานได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ให้กับลานกีฬาหน้าสน.ดินแดง กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อการประหยัดพลังงาน การเปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟ ณ ตลาดสดชุมชนดินแดง และการติดตั้งระบบไฟแสงสว่างประหยัดพลังงานให้แก่ศูนย์ปฐมวัยแฟลต10 ดินแดง เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นายประกรณ์ กล่าวว่า “ทุกๆ การดำเนินงานของฟิลิปส์ เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น และเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งระดับโลกในธุรกิจหลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างและการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงานและภาวะโลกร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ฟิลิปส์ได้รับรางวัล“ บริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแห่งปี 2551” (Best Environmental Friendly Company of the year)จากหอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย และหอการค้าเบลเยี่ยม-ลักซ์แซมเบอร์ก/ ไทย”