ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนกันยายนของธนาคารแห่งประเทศไทย … แนวโน้มการชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น

ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนกันยายน 2551 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สะท้อนการชะลอลงอย่างชัดเจนของภาคการผลิต และการใช้จ่ายในประเทศ ท่ามกลางปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ

  ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกันยายน 2551
 สำหรับการใช้จ่ายของภาคเอกชน
การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่อง
อีกร้อยละ 5.9 (YoY) ในเดือนก.ย. จากที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 ในเดือนส.ค. โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และการนำเข้าสินค้าเพื่อการบริโภค ขยายตัวต่อเนื่องอีกร้อยละ 16.3 และร้อยละ 38.3 ในเดือนก.ย. เทียบกับร้อยละ 14.0 และร้อยละ 23.2 ในเดือนก่อนหน้า ตามลำดับ ในขณะที่ ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 31.6 ในเดือนก.ย. เร่งขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 13.4 ในเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้เกษตรกรที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี (ขยายตัวร้อยละ 45.5 ในเดือนก.ย. ต่อเนื่องจากร้อยละ 57.5 ในเดือนส.ค.) และการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน

การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอย่างชัดเจนตามแนวโน้มที่อ่อนแอของเศรษฐกิจไทย โดยการลงทุนขยายตัวเพียงร้อยละ 2.6 (YoY) ในเดือนก.ย. เทียบกับร้อยละ 3.5 ในเดือนส.ค. ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ และยอดขายปูนซีเมนต์ ยังคงหดตัวลงต่อเนื่องในเดือนก.ย. (หดตัวร้อยละ 22.8 และหดตัวร้อยละ 17.3 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าทุน สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 14.2 ในเดือนก.ย. ต่อเนื่องจากที่ขยายตัวร้อยละ 12.7 ในเดือนส.ค.

สำหรับในด้านการผลิต
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง 3 เดือนติดต่อกัน โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 4.6 (YoY) ในเดือนก.ย. จากร้อยละ 7.6 ในเดือนส.ค. การผลิตสินค้าที่สัดส่วนการส่งออกมากกว่าร้อยละ 60 ของการผลิตรวม ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงตามความอ่อนแอของอุปสงค์ในต่างประเทศ โดยการผลิตในหมวดที่เน้นเพื่อส่งออกขยายตัวเพียงร้อยละ 8.8 ในเดือนก.ย. จากร้อยละ 16.4 ในเดือนส.ค. ในขณะที่ การผลิตสินค้าที่สัดส่วนการส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30 ของการผลิตรวม สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศ โดยการผลิตที่เน้นตลาดในประเทศขยายตัวเพียงร้อยละ 2.7 ในเดือนก.ย. ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในเดือนส.ค. สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิต ขยับลงมาที่ร้อยละ 68.2 ในเดือนก.ย. จากร้อยละ 70.0 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนีผลผลิตการเกษตร (Farm Production) ขยายตัวร้อยละ 10.1 (YoY) ในเดือนก.ย. ชะลอลงจากที่ขยายตัว 20.2 ในเดือนส.ค. โดยปริมาณผลผลิตพืชผลหลัก (ปาล์มน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา) ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง

สำหรับภาคต่างประเทศ
การส่งออก ขยายตัวร้อยละ 19.5 (YoY) ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 15.5 ในเดือนส.ค. โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของปริมาณสินค้าส่งออกเป็นสำคัญ (ปริมาณการส่งออกพลิกกลับมาขยายตัวร้อยละ 5.3 ในเดือนก.ย. หลังจากที่หดตัวลงร้อยละ 0.1 ในเดือนส.ค.) ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกขยายตัวดีขึ้นในเกือบทุกหมวด ยกเว้น หมวดสินค้าที่เน้นใช้แรงงานเป็นปัจจัยการผลิตหลักที่ชะลอลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยการส่งออกในหมวดสินค้าเกษตร ยังคงขยายตัวได้ในระดับสูงร้อยละ 54.0 ในเดือนก.ย. ต่อเนื่องจากที่ขยายตัวร้อยละ 51.2 ในเดือนส.ค. ในขณะที่ การส่งออกในหมวดสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง ขยายตัวร้อยละ 17.6 ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 11.1 ในเดือนส.ค.

การนำเข้า ขยายตัวร้อยละ 38.6 (YoY) ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 26.9 ในเดือนส.ค. โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการนำเข้าเป็นสำคัญ (ปริมาณการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 23.4 ในเดือนก.ย. เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 8.9 ในเดือนส.ค.) ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าในเดือนก.ย.ขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวด โดยในหมวดสินค้าทุน และวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ 12.4 และร้อยละ 38.5 ในเดือนก.ย. เทียบกับที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 6.9 และร้อยละ 19.4 ในเดือนส.ค. ตามลำดับ ขณะที่ การนำเข้าในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ขยายตัวร้อยละ 41.3 ในเดือนก.ย. เทียบกับร้อยละ 17.7 ในเดือนส.ค. ส่วนการนำเข้าในหมวดเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น ขยายตัวร้อยละ 42.9 ในเดือนก.ย. (ซึ่งใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 43.4)

ทั้งนี้ การส่งออกที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ ดุลการค้า ในเดือนก.ย. พลิกกลับมาเกินดุลที่ 142.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่บันทึกยอดขาดดุลในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (ขาดดุล 675.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนส.ค. และขาดดุล 762.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.ค.) อย่างไรก็ตาม ดุลบริการฯ ซึ่งบันทึกยอดขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 844.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.ย. ได้ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงบันทึกยอดขาดดุลต่อเนื่องอีก 702.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขาดดุล 852.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนส.ค.

  ภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3/2551
แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 3/2551 แต่ทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจไทยในภาพรวมในไตรมาสดังกล่าว กลับมีทิศทางที่ชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/2551 ทั้งในส่วนการใช้จ่ายของภาคเอกชน ภาคการผลิต และภาคต่างประเทศ โดยถูกกดดันจากหลากหลายปัจจัยเสี่ยง อาทิ ความยืดเยื้อของปัญหาการเมืองในประเทศซึ่งกระทบความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของภาคเอกชน ขณะที่ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากวิกฤตการเงินซึ่งร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 80 ปี ได้ส่งผลให้ภาคส่งออกไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง

หากพิจารณาในรายละเอียด ด้านการใช้จ่ายภาคเอกชน แม้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดีแต่การลงทุนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 5.2 ในไตรมาส 3 เทียบกับร้อยละ 4.0 ในไตรมาส 2 ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพียงร้อยละ 3.5 ในไตรมาส 3 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในไตรมาส 2 ด้านการผลิต การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพียงร้อยละ 7.7 ในไตรมาส 3 ชะลอลงอย่างชัดเจนหลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 10.1 ในไตรมาส 2 ขณะที่ ผลผลิตการเกษตร ขยายตัวเพียงร้อยละ 17.1 ในไตรมาส 3 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 24.1 ในไตรมาส 2 ส่วนภาคต่างประเทศ การส่งออกที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงท่ามกลางความอ่อนแอของอุปสงค์ในต่างประเทศ (การส่งออกขยายตัวร้อยละ 25.5 ในไตรมาส 3 จากร้อยละ 26.3 ในไตรมาส 2) ซึ่งสวนทางกับการนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นมาก (การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 39.1 ในไตรมาส 3 จากร้อยละ 29.3 ในไตรมาส 2) ได้ส่งผลทำให้ดุลการค้าพลิกกลับมาบันทึกยอดขาดดุล 1,295.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 หลังจากที่บันทึกยอดเกินดุล 425.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 2

  แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ยังคงประเมินกรอบการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 4.0-4.5 ชะลอลงอย่างชัดเจนจากที่ขยายตัวร้อยละ 5.7 ในช่วงครึ่งแรกของปี ในขณะที่ ภาพของแนวโน้มเศรษฐกิจต่างประเทศที่อาจเริ่มขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพอาจส่งผลกดดันภาคส่งออกของไทยมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยภาพรวมของการส่งออกของไทยในปี 2551 อาจขยายตัวใกล้เคียงร้อยละ 20.0 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 17.3 ในปี 2550 ที่ผ่านมา